มังกรจีนถือเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ด้านการลงทุนสูง

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับที่สูงมากอย่างน่าประทับใจ โดย The World Bank ได้เปิดเผยว่าค่าเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ของโลกมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.654% ในช่วงปี 2006 – 2016 แต่ประเทศจีนกลับเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 9.335% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

ตั้งแต่ประเทศจีนปฏิรูประบบเศรษฐกิจและใช้นโยบายเปิดเสรี ในปี ค.ศ. 1978 รัฐบาลทำการโอนถ่ายอำนาจในการประกอบธุรกิจกลับไปสู่ภาคประชาชนและเอกชนมากขึ้น ในขณะที่รัฐมีหน้าที่กำหนดนโยบายจากส่วนกลางเท่านั้น ผลตอบรับเกิดขึ้นชัดเจนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากทั้งประชาชนจีนเองและการลงทุนจากต่างชาติ โดยเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดีในระดับเริ่มต้นสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน ซึ่งสะท้อนออกมาในแง่ของโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจต่างๆ เช่น อัตราส่วนประชากรในเขตเมืองต่อเขตชนบทสูงมากขึ้น อัตราการว่างงานลดต่ำลง จำนวนชนชั้นกลางเพิ่มสูงขึ้น ประชากรเพิ่มสูงขึ้น และรายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มสูงขึ้น

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนเทียบกับค่าเฉลี่ยโลก ในช่วงปี 2006 - 2016

ในช่วงแรกของการเติบโต เศรษฐกิจจีนพึ่งพาเศรษฐกิจเก่า (Old Economy) อยู่มาก โดยเน้นไปที่ภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมในช่วงแรกหลักปฎิรูปเศรษฐกิจ แต่เมื่อประชากรมีความมั่งคั่งสูงขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำสูงมากขึ้น และการบริโภคภายในประเทศสูงมากขึ้น เศรษฐกิจจีนจึงหันมาอิงกับการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้นตามลำดับ ส่งเสริมให้เศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ของจีนเติบโตได้อย่างมากจากกำลังซื้อภายในประเทศที่เติบโตมาตามความมั่งคั่งของประชากร

ไม่เพียงเท่านั้น ในการประชุมประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่19 ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไปนั้น ทางการจีนได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมุ่งไปที่การปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในเชิงคุณภาพและมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าการมุ่งเน้นการเติบโตในเชิงปริมาณ ควบคู่ไปกับการเร่งผลักดันให้การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจรุดหน้า การพัฒนาเขตเมืองและชนบทอย่างสมดุล การรักษาสภาพแวดล้อม พร้อมด้วยเป้าหมายที่ท้าทายนั่นคือการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของโลกในด้านนวัตกรรม ภายในปี 2050

นอกจากนี้ จากการประชุมครั้งดังกล่าวยังคาดการณ์ได้ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง จะยังคงครองอำนาจต่อไปอีกยาวพอสมควรทีเดียว ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อการดำเนินนโยบายปฏิรูปได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

การลงทุนในเศรษฐกิจใหม่ของจีนจึงน่าสนใจและน่าจับตามอง

ลงทุนศาสตร์ขออนุญาตหยิบยกกองทุนเปิดแอสเซทพลัส ไชน่า หรือ ASP-CHINA มาเล่าให้ฟัง กองทุนรวมนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ของจีน โดยไปลงทุนผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ คือ กองทุน E.I Sturdza Strategic CHINA PANDA ซึ่งลงทุนศาสตร์จะหยิบยกหุ้นหลักๆ ที่กองทุนนี้มีการลงทุนอยู่มาเพื่อเล่าให้ฟังถึงความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจใหม่ของจีน

กองทุน ASP-CHINA เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นหลัก เนื่องจากหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้จะได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น ในส่วนของกลุ่มเทคโนโลยีนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนมีนโยบายไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหลายบริษัทเข้าไปเปิดตลาดในจีนได้ ดังนั้น ทั้ง Facebook, Google, Instagram, Twitter, WhatsApp และ Line ต่างก็ถูกจำกัดการเข้าถึงในประเทศจีนทั้งสิ้น ตลาดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจึงเป็นการแข่งขันในประเทศเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในความสามารถในการแข่งขันที่สูงมากเพราะช่วยลดแรงคุกคามจากต่างประเทศได้มากทีเดียว

ยักษ์ใหญ่ของบริษัทไอทีจีนคือ Alibaba และ Tencent ซึ่ง ASP-CHINA ลงทุนอยู่เป็นสองอันดับแรกของกองทุนรวม

Alibaba เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของ Jack Ma ที่จดทะเบียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่มีธุรกิจหลักอยู่ในประเทศจีน ธุรกิจหลักของ Alibaba คือธุรกิจค้าปลีกออนไลน์แบบ Marketplace หรือการเปิดช่องทางให้ผู้ซื้อกับผู้ขายมาเจอในโลกออนไลน์ โดยบริษัทจะได้ค่าธรรมเนียมในการเป็นคนกลางตรงนี้ โดยเว็บไซต์ที่เป็นช่องทางหลักคือ Alibaba, Taobao และ Tmall ซึ่งถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากในจีนเป็นอันดับต้นๆ ทั้งสิ้น งานวิจัยทางการตลาดคาดว่าส่วนแบ่งตลาดของการซื้อขายออนไลน์ในจีนจะเป็นของเครือ Alibaba จะสูงกว่า 80% ซึ่งเรียกว่าชนะในธุรกิจนี้ค่อนข้างชัดเจน

ในแง่ของผลประกอบการก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจมาก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้และกำไรสุทธิเติบโตถึง 51.20 และ 58.90 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ซึ่งถือว่าสูงมากถ้าเทียบกับขนาดของกิจการและฐานรายได้กำไรที่สูงมากอยู่แล้ว อัตรากำไรสุทธิตอนนี้อยู่ที่ร้อยละ 28.80 ซึ่งถือว่าสูงมาก แต่ก็ยังมีแนวโน้มจะสูงได้อีก เพราะอัตราค่าธรรมเนียมที่ Alibaba เก็บอยู่ตอนนี้ถือว่าต่ำมากถ้าเทียบกับเจ้าตลาดฝั่งอเมริกาอย่าง Amazon

Tencent

เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนที่ตีคู่มากับ Alibaba ในขณะที่ Alibaba เน้นธุรกิจไปที่การซื้อขายออนไลน์ แต่ Tencent มุ่งเน้นไปที่โปรแกรมสนทนาที่ชื่อว่า WeChat และ QQ ซึ่งเรียกได้ว่าครองตลาดจีนได้แทบสมบูรณ์ โดยส่วนแบ่งตลาดของ Tencent ในตลาดแอพพลิเคชันสนทนาในประเทศจีนสูงเกือบ 70% ซึ่งครองตลาดไว้ได้มาก ในขณะที่แอพพลิเคชันชื่อดังอื่นอย่าง Facebook Messenger, Line หรือ WhatsApp ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำตลาดในจีนได้เลย

ในแง่ของผลประกอบการของ Tencent ก็สวยงามไม่แพ้ Alibaba โดยมีการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ปีสูงถึง 37.8 และ 29.2 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ โดยอัตรากำไรสุทธิก็สูงในระดับกว่า 28% ซึ่งก็สูงมากเช่นกัน นอกจากนี้ จำนวนยอดผู้ใช้บริการ WeChat และ QQ ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดจำนวนผู้ใช้บริการของ WeChat เกือบครบ 1,000 ล้านคนแล้ว ซึ่งถือว่าสูงมากๆ เมื่อเทียบกับประชากรจีนที่มีอยู่ประมาณ 1,500 ล้านคน

และนอกจากสุดยอดบริษัททั้งสองนี้ กองทุน ASP-CHINA ยังคงถือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ของจีนอย่างมากมาย เช่น Sunny Optical Technology ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับดวงตาเจ้าใหญ่ของจีน AAC Technologies ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับเสียง เช่น ชิ้นส่วนไมโครโฟนในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็ถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก รวมไปถึง MINTH ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เจ้าแรกของจีนที่ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายพาหนะพลังงานสะอาดของรัฐบาล

ขนาดกิจการบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (billion USD)

การเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ของจีนจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง

หากใครสนใจลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงในระยะยาวจากเศรษฐกิจใหม่ของประเทศจีนและสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ กองทุน ASP-CHINA ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรเก็บไว้พิจารณา เพราะนอกจากกองทุนจะลงทุนมุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงแล้ว กองทุน ASP-CHINA ยังได้รับการจัดอันดับว่าเป็นกองทุนหุ้นจีนที่มีผลการดำเนินงานดี มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2560 สูงที่สุดในกลุ่มกองทุนหุ้นจีน – Great China Equity (ข้อมูลจาก AIMC ณ 29 ก.ย. 60)

ที่มา : www.assetfund.co.th ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 60  ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต  ผู้ลงทุนโปรดศึกษา “ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” กองทุน ASP-CHINA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

หากสนใจข้อมูลกองทุน ASP-CHINA อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ http://www.assetfund.co.th/ASP-CHINA_AD.html หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. แอสเซท พลัส   และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทาง Asset Plus Customer Care 0 2672 1111

มังกรจีนกำลังจะกลับมาเติบโตด้วยเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งในรอบนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้ามีนักลงทุนจากแดนขวานทองเกาะติดปีกเหินฟ้าไปด้วยคน

ลงทุนศาสตร์ - Investerest