ขึ้นชื่อว่าผู้ชายอกสามศอกอย่างผมๆท่านๆ สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือต้องมีภาพลักษณ์ของความเป็น “แมน” เอาไว้ก่อน เพราะเราถูกปลูกฝังกันมาว่า เกิดเป็นผู้ชายต้องมีความเป็น “สุภาพบุรุษ” “เสียสละ” และ “เข้มแข็ง” จะมาเสียน้ำตาหรือแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นผู้นำหรือเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลคนในบ้านด้วยแล้ว ก็ต้องมีภาวะผู้นำเพื่อให้รู้สึกว่าเป็นที่พึ่งพาของคนใกล้ตัวได้ ดังนั้นถึงแม้เวลามีอะไรไม่สบายอกไม่สบายใจมากแค่ไหน เราก็มักจะปิดซ่อนความรู้สึกด้วยคำว่า “ไม่เป็นไร” เพื่อไม่ให้ใครต้องมาเป็นห่วงเรา หรือเห็นว่าเราอ่อนแออยู่เสมอ

ถึงแม้การที่เราบอกว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “สบายมาก” จะช่วยให้คนอื่นมั่นใจในตัวเรา ให้สมกับเป็นลูกผู้ชายได้ แต่ในบางครั้ง หากเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ อย่างเช่นเรื่องปัญหาการเงินภายในครอบครัว หรือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่เป็น “โรคร้ายแรง” ด้วยแล้ว การมัวแต่คิดว่าไม่เป็นไร แล้วเก็บงำปัญหาเอาไว้เอง เพราะไม่อยากให้ปัญหาของตัวเองกลายเป็นปัญหาของคนอื่นด้วย แทนที่จะเปิดอกคุยกันเพื่อช่วยหาทางแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจกลายเป็นความคิดที่เป็น “ความประมาท” มากกว่าก็เป็นได้ เพราะคำว่า “ไม่เป็นไร” อาจจะมีไว้ให้เรา “หลอกตัวเอง” ให้ละเลย หรือมองข้ามปัญหา ที่ส่งสัญญาณมาให้เรารับรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ จนวันหนึ่งมันอาจจะสายเกินแก้ไปแล้ว

แล้ววันนั้น คำว่า “ไม่เป็นไร” อาจจะกลายเป็นคำว่า “ไม่น่าเลย” แทนก็ได้

และทราบไหมครับว่า ปัญหาร้ายแรงของผู้ชายแมนๆอย่างเราที่มักจะชอบมองข้ามกันบ่อยๆที่สุด ก็คือปัญหาการเกิด “โรคมะเร็ง” นี่แหละครับ ซึ่งโรคมะเร็งถือเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี และมีผู้เป็นมะเร็งเฉลี่ยปีละกว่า 60,000 คน หรือเฉลี่ย 1 คนในทุกๆ 8 นาที โดยในปี 2555 มีผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่งเป็นโรคมะเร็งถึง 3,917 คน (ข้อมูลจาก รายงานสถิติผู้ป่วยโรคมะเร็ง ประจำปี 2555 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ https://www.m-society.go.th/article_attach/11832/16129.pdf)

ที่สำคัญ เพศชาย มีโอกาสจะเป็นมะเร็งได้มากกว่าเพศหญิง เนื่องจากการใช้ชีวิตที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูงกว่า (ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้ร่างกายอย่างหนัก และพักผ่อนน้อยกว่า)

ซึ่งประเภทของโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ

อันดับ 1 มะเร็งปอด 16.8%

อันดับ 2 มะเร็งต่อมลูกหมาก 14.8%

อันดับ 3 มะเร็งลำไส้ใหญ่ 10.1%

อันดับ 4 มะเร็งในกระเพาะอาหาร 8.5%

อันดับ 5 มะเร็งตับ 7.5%  

อย่างไรก็ตาม กว่าที่จะเป็นมะเร็งขั้นร้ายแรงจนถึงขนาดทำให้เราเสียชีวิตได้นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นรุนแรงอย่างปุบปับทันด่วนขึ้นมาเลย แต่ร่างกายเรามันจะส่ง “สัญญาณเตือน” บางอย่างออกมา ที่ให้เรารู้ตัวว่า นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นโรคมะเร็งแล้ว เช่น

  • ไอเรื้อรัง อาจมีเสมหะ ปนเลือด ติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ (สัญญาณมะเร็งปอด)
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย จนคลื่นไส้ อาเจียนอยู่บ่อยๆ (สัญญาณมะเร็งในกระเพาะอาหาร)
  • ท้องเสียบ่อย และอาจมีมูกเลือดปนออกมา (สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่)
  • ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปัสสาวะติดขัด ไม่ค่อยออก หรืออาจมีเลือดปน (สัญญาณมะเร็งต่อมลูกหมาก)
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ (สัญญาณมะเร็งหลายประเภท)

ดังนั้น หากร่างกายของเราเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างแบบนี้ออกมา เราก็ควรที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อย่าละเลยด้วยการคิด หรือบอกคนอื่นว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนออกมาแล้วจะไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย เนื่องจากนี่อาจจะเป็นสัญญาของการเริ่มต้นการเป็นโรคมะเร็ง ที่อาจจะนำไปสู่ผลที่ร้ายแรงกว่านี้ หากเราปล่อยทิ้งไว้เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรก็ได้

และนอกจากการดูแลรักษาสุขภาพให้ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งแล้ว เราก็ควรจะต้องวางแผนเพื่อรองรับเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น จากการที่เราต้องรีบรักษาตัวหากเราตรวจพบมะเร็งตั้งแต่เนิ่นๆเอาไว้ด้วย ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งนั้นก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ยิ่งหากเป็นเรื้อรังต้องรักษาอยู่นาน ค่ารักษาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย วิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงในเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือการทำ “ประกันโรคมะเร็ง” หรือประกันโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมโรคมะเร็งเอาไว้ เพื่อสร้างความคุ้มครองหรือค่าชดเชยก้อนใหญ่ สำหรับค่ารักษาที่จะเกิดขึ้น

ซึ่งทาง เจนเนอราลี่ ประกันภัย ก็มีประกันโรคมะเร็ง ที่ชื่อว่า “ประกันมะเร็งแมนแมน” ซึ่งเป็นประกันที่คุ้มครองโรคมะเร็งสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ โดยมีผลประโยชน์หลักที่เป็นจุดเด่นอยู่ที่

  • ตรวจพบโรคมะเร็ง แม้จะเป็นขั้นต้น ก็จ่ายเลย เริ่มต้นที่ 1,000,000 บาท
  • ถ้าเป็นโรคมะเร็งในผู้ชายโดยเฉพาะ คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ตรง มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก เฉพาะที่เกิดขึ้นกับเยื่อบุช่องปาก (ไม่รวมริมฝีปาก) ลิ้น เหงือก กราม หรือต่อมน้ำลาย และมะเร็งหลอดคอ จะคุ้มครองเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เริ่มต้นที่ 2,000,000 บาท
  • จ่ายค่าตรวจวินิจฉัยซ้ำ ไม่เกิน 10,000 บาท
  • จ่ายค่าชดเชยรายเดือนให้ เดือนละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน ตามระยะเวลารักษา
  • หากเสียชีวิต จ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพให้ 50,000 บาท
  • สามารถเลือกแพคเกจความคุ้มครองได้ 3 ระดับคือ SIZE M, L และ XL ตามระดับความคุ้มครอง

สำหรับจุดด้อยก็อาจจะเป็นที่เบี้ยค่อนข้างสูงเมื่อพิจารณาว่า คุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็งอย่างเดียว ไม่ได้คุ้มครองโรคร้ายแรงอื่นๆ

โดยตัวอย่างเบี้ยประกันรายปี สำหรับเพศ ชาย อายุ 35 ปี ในแพคเกจ SIZE M จะอยู่ที่ 8,730 บาท (รายเดือน 727.50 บาท)

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.ประกันมะเร็งแมนแมน.com

สรุป

โรคมะเร็ง ถือเป็นโรคร้ายแรงที่สำคัญก็เราไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในผู้ชายไทย ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งนอกจากการที่เราควรต้องรักษาสุขภาพ คอยสังเกตพฤติกรรมและอาการของร่างกายให้ดีแล้ว ก็ควรวางแผนคุ้มครองค่ารักษา หากโชคร้ายต้องเป็นโรคมะเร็งขึ้นมา ไปพร้อมๆกันด้วย เพื่อเป็นการคุ้มครองความเสี่ยงทั้งก่อนและหลังเกิดโรค โดยที่ประกันมะเร็งแมนแมน ก็สามารถตอบโจทย์ความคุ้มครองโรคมะเร็งสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะได้ดี เพราะนอกจากจะคุ้มครองการเป็นมะเร็งทุกระยะ แม้จะเพิ่งเริ่มเป็นมะเร็งขั้นต้นก็ตาม ก็ยังมีความคุ้มครองเป็น 2 เท่า เริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท สำหรับโรคมะเร็งในผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งก็ค่อนข้างจะครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นค่อนข้างแน่ และยังมีค่าชดเชยรายเดือน สำหรับการขาดรายได้ หากต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล อีกเดือนละ 10,000 บาท อีกด้วย

ดังนั้น บางครั้งการเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ก็อาจจะไม่ใช่การพยายามที่จะต้องแสดงออกถึงความเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาเพื่อปิดบังความอ่อนแอไว้ภายในไม่ให้ใครรู้ แต่คือการกล้าที่จะยอมรับความจริง และเผชิญหน้ากับปัญหาเพื่อวางแผนหาทางป้องกันหรือแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระผู้อื่นในภายหลังมากกว่า ก็เป็นได้นะครับ

ฝากไว้ สำหรับลูกผู้ชาย “แมนแมน” ทุกคนครับ

บทความนี้เป็น Advertorial