พอเห็นใครๆ นำเงินไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนคืนกลับมา ไม่ต้องเยอะถึงขนาดถึงซื้อรถซื้อบ้านได้ แค่ได้เงินปันผลมาเป็นค่าขนม...ก็อิจฉาแล้ว!!

เชื่อว่า...มนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน คงมีคำถามว่า เราเองก็ทำงานมานานเป็นสิบปีแล้ว จะเริ่มนำเงินไปลงทุนบ้าง ยังทันมั้ยนะ

ไม่ต้องคิดมาก!! ไม่ว่าจะทำงานมานานแค่ไหน ก็มีความคิดว่าอยากจะลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้งอกเงย ยังไงก็ทัน

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ นอกจากลงมือค้นคว้าหาข้อมูล เพื่อศึกษารูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจและเหมาะสมแล้ว เหล่ามนุษย์เงินที่สนใจเข้าสู่สนามการลงทุน ต้องรู้ก่อนว่าสไตล์การลงทุนของตัวเองเป็นแบบไหน

หลายครั้งที่การลงทุนล้มเหลว หรือ ผิดพลาด มักมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุน ไม่รู้จักตัวเอง บางคนคิดว่าตัวเองใจเย็น ไม่ชอบซื้อมาขายไป รับความเสี่ยงไม่ค่อยได้ แต่เวลาลงสนาม กลับทำตามเพื่อน ซื้อเช้า ขายบ่าย สุดท้ายเจ๋งไม่เป็นท่า จนหมดกำลังใจที่จะลงทุน

ดังนั้น ก่อนลงทุน “ว่าที่นักลงทุน” ควรสำรวจสไตล์การลงทุนของตัวเอง จะได้เลือกรูปแบบการลงทุนและกลยุทธ์ที่ใช้ในการลงสนามได้อย่างเหมาะสม

พอรู้แล้วว่าตัวเองมีสไตล์การลงทุนแบบไหน ขั้นต่อไป คือ การเริ่มลงทุน แต่หลายครั้งก็มักมีเสียงสะท้อนของเหล่ามนุษย์เงินเดือนกลับมาว่า อยากลงทุนนะ แต่แค่จะใช้เงินให้พอสิ้นเดือน ก็แทบขาดใจแล้ว

เอาจริงๆ เรื่องนี้ไม่ยาก aomMONEY มีแนวทางการลงทุนแบบง่ายๆ มาแนะนำ เริ่มต้นด้วย

1. วางแผนการลงทุน

ทันทีที่ได้รับเงินเดือนมา แนะนำให้นักลงทุน ลองนำกฎ 50 / 30 / 20 มาใช้

- แบ่ง 50 % ของรายได้ = Needs = เป็นค่าใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น
- แบ่ง 30 % ของรายได้ = Wants เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุข
- แบ่ง 20 % ของรายได้ = Savings = เป็นการออมและการลงทุน

แต่ไม่จำว่าทุกคนจะต้องออมและลงทุนในสัดส่วน 20 % เสมอไป เพราะบางคนมีค่าใช้จ่ายในส่วน Needs และ Wants ค่อนข้างมาก (ที่ไม่สามารถลดได้) ก็อาจจะลดสัดส่วนการลงทุนให้เหลือสัก 10 % ก็ยังดี เพื่อไม่ให้การออมและลงทุนของเราดูเป็นสิ่งที่จะต้องพยายามเกินไป เพราะเราจะทำมันได้มันนานแล้วก็จะเลิกไป

2. ต้องกระจายการลงทุน

อย่าลืมว่า การกระจายการลงทุน เป็นหลักสำคัญที่นักลงทุนต้องยึดถือและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะการลงทุนเพียงแหล่งเดียว อาจต้องเผชิญกับความผันผวน แม้เคยได้ผลตอบแทนที่ดีในเวลาหนึ่ง แต่ก็อาจสูญเสียเงินทั้งหมดในอนาคตได้เช่นกัน

3. เน้นการลงทุนระยะยาว

ในสนามการลงทุน มีการลงทุนเพียงไม่กี่ประเภทที่ ให้ผลตอบแทนสูงและใช้เวลาไม่นาน แต่สิ่งนี้ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยง ต้องมีการวางแผน ทำการบ้านอย่างหนัก ดังนั้น จะดีกว่ามั้ย ถ้ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ จะใช้เวลากับการลงทุนให้นานขึ้น หรือเลือกรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยลง สามารถวางแผนให้รัดกุม จะได้ไม่ต้องสูญเสียเงินต้น และทำผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสม

4. มีวินัยและความอดทน

ต้องย้ำกันอีกซักครั้งว่า การลงทุนต้องอาศัยความอดทนและความมีวินัยทางการเงิน ในระยะแรกนักลงทุนอาจยังมองไม่เห็นผลตอบแทน แต่เชื่อเถอะถ้าวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะ รู้จักอดทนรอให้เป็น บางครั้งอาจใช้เวลานานเป็นปี แต่สุดท้ายคุณจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่นอน

5. เลือกลงทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

บอกเลย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลายประเภทที่ให้สิทธิประโยชน์ เช่น SSF, RMF หรือ Unit-Link เป็นต้น ซึ่งข้อมูลตรงนี้นักลงทุนสามารถศึกษาและค้นคว้าด้วยตัวเองได้ เพื่อวางแผนให้การลงทุนของคุณเกิดความคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้ผลตอบแทนจะการลงทุนแล้ว ยังได้ประหยัดภาษีอีกด้วย

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคนที่ยังลังเล ไม่กล้าลงทุน เพราะกังวลว่าจะมีเงินไม่พอใช้ จะลดความหวั่นวิตกลงได้ เอาเข้าจริงๆ มนุษย์เงินเดือนสามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินที่ละน้อย เพียงแต่ต้องมีวินัยและความอดทนในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการวางแผนลงทุนที่เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง สุดท้ายก็จะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจกลับมา เป็นเงินที่ใช้ในช่วงเกษียณ หรือ เป็นเงินก้อนที่สามารถนำไปใช้ในเหตุฉุกเฉินของชีวิตได้ด้วย