ในยุคที่โควิดยังระบาดอยู่แบบนี้ นอกจากสุขภาพกายแล้ว ก็มีสุขภาพการเงินนี่แหละครับที่ต้องดูแลไปควบคู่กัน ที่ผ่านมาหลายธุรกิจต้องลดจำนวนพนักงาน หรือถ้ากระทบหนักก็ต้องปิดตัวไป …จนสะเทือนมาถึงมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ต้องเกาะเก้าอี้ให้แน่น พร้อมภาวนาให้ผ่านจุดๆ นี้ไปสักที

ณ ตอนนี้เราทุกคนจึงเข้าโหมด “หมดยุคของการมีรายได้แค่ทางเดียว” เดี๋ยวเราจะมาพูดคุยกันถึงประเด็นนี้กันครับว่า ทำไมมีรายได้ทางเดียวถึงไปไม่รอด แล้วการมีอาชีพที่ 2 มันช่วยให้เรารอดได้อย่างไร!

ทำไมยุคนี้ อยากรอดต้องมีอาชีพที่สอง?

มีอาชีพที่สอง = ทางรอด

ก่อนหน้านี้ มนุษย์เงินเดือนมักถูกมองว่ามีความมั่นคง มีโอกาสตกงานน้อยถ้าเทียบกับคนที่ทำธุรกิจของตนเองหรือฟรีแลนซ์ แต่พอเจอโควิด หลายบริษัทต้องลดจำนวนพนักงานหรือปิดตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาชีพสายการบินและการท่องเที่ยวที่โดนเต็มๆ เลยครับ

จะเห็นเลยว่า ความรู้สึกมั่นคงที่เราเคยสัมผัส มันลดลงเรื่อยๆ เลือนลางไปตามกาลเวลา ซึ่งการมีอาชีพที่สอง ที่สาม ที่สี่ นี่แหละครับ ที่จะเป็นไฟแห่งความหวัง ในวันที่เงินเดือนของมนุษย์เงินเดือนเริ่มสั่นคลอน

มีอาชีพที่สอง = มีแหล่งรายได้สำรอง

เพราะความแน่นอนไม่มีอยู่จริงครับ ต่อให้ไม่มีโควิด รายได้แค่ทางเดียวก็ยังเสี่ยงเกินไปอยู่ดี เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะมาปัญหาสุขภาพของเราเองหรือครอบครัว จากปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด

และแรงสะเทือนที่เราเจอจากโควิด เป็นแค่หนึ่งในความเสี่ยงของการมีรายได้ทางเดียวเท่านั้น อย่างโควิดเอง ก็ไม่มีใครรู้ใช่ไหมล่ะครับ ว่าจะกลับมาอีกรอบตอนสิ้นปีและยาวมาจนถึงตอนนี้… จะเห็นเลยนะครับว่า พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ การหาอาชีพที่สอง ที่สาม ที่สี่ ตั้งแต่ตอนนี้จึงเป็นการเตรียมรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นไม่รู้ตัวถึงสำคัญ

มีอาชีพที่สอง = มีรายได้เพิ่มขึ้น

เชื่อว่าจากการระบาดของโควิด คงทำให้พวกเรารู้ว่าเงินเก็บสำคัญแค่ไหน แล้วในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ามีรายจ่ายเพิ่ม แต่รายได้เท่าเดิม เงินเก็บที่เคยมีอาจจะลดลงเรื่อยๆ หรือถ้าเงินเก็บน้อยอยู่แล้ว อาจจะน้อยลงไปอีกจนไม่เหลืออะไรไว้เก็บเลยก็ได้

เพราะงั้น ถ้าจะหวังพึ่งรายได้ทางเดียวแบบที่เคย...ก็คงไม่อุ่นใจเท่าไหร่ อาชีพที่สองจึงมาตอบโจทย์นี้นั่นเอง แถมนอกจากเงินเก็บจะช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นแล้ว ยังสามารถนำไปลงทุนต่อเพิ่มเงินออมได้อีกด้วยครับ

มีอาชีพที่สอง = มีโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตมากขึ้น

เพราะชีวิตเราไม่ได้หยุดอยู่กับที่ การมีอาชีพที่สอง นอกจากจะเพิ่มรายได้แล้ว ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตอีกด้วย วันใดวันนึง เงินที่เราได้รับจากอาชีพรองอาจจะมีมากกว่าอาชีพหลัก และกลายมาเป็นโอกาสทองของชีวิตเลยก็ได้

นอกจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว สำหรับใครที่อาจรู้สึกว่ายังค้นหาตัวเองไม่เจอ หรือมีอะไรที่อยากทำแต่ไม่ได้ลองสักที เพื่อนๆ อาจจะได้เจอคำตอบนั้นตอนหาอาชีพที่สองทำก็ได้นะครับ

สรุป

อาชีพที่สองก็เหมือนอาชีพที่หนึ่งหรืออาชีพหลักที่เราทำอยู่นั่นแหละครับ มีทั้งคนที่ทำแล้วสำเร็จกับไม่สำเร็จ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น จัดการเวลาได้ดีพอไหม? หรือความสามารถที่เรามีน่ะพอรึยัง? แต่ถึงแบบนั้น อาชีพที่สอง ที่สาม หรือที่สี่จะไปได้สวยไหม

“ไม่มีใครรู้หรอก...ถ้ายังไม่ได้ลอง จริงไหม?”

ไม่ว่าอาชีพที่สองของเพื่อนๆ จะเป็นอะไร
aomMONEY ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอครับ