วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของโลกเคยพูดว่า

“ถ้ามีอะไรที่ผมยังอยากทำ ก็คงทำไปแล้ว เงินได้มีประโยชน์อะไรสำหรับผมแล้ว ‘เวลา’ มีประโยชน์สำหรับผม”

ซึ่งแน่นอนครับการเป็นคนมั่งคั่ง 4.4 ล้านล้านบาทแล้วบอกว่าเงินไม่มีประโยชน์ก็คงพูดได้ไม่ยาก

มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban) มหาเศรษฐีอีกคนหนึ่งก็มีมุมมองคล้ายๆ กัน บอกว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนเขาในการทำงาน เขาบอกว่า “ผมมักคิดในแง่ของเวลา นั่นเป็นแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนผมมาโดยตลอด : ผมจะควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้อย่างไร? ผมจะควบคุมเวลาของตัวเองได้อย่างไร?”

แต่ก็อีกนั่นแหละ คิวบาน คือหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นกรรมการบนรายการ Shark Tank และมีมูลค่าทางทรัพย์สินกว่า 185,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นการบอกว่าเงินไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนในการทำงานก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ต่างจากคนทั่วไป อย่างคุณหรือผมอยู่แล้ว? มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ

มีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ลงใน Proceedings of the National Academy of Sciences ที่ทำการสำรวจคนหลายพันคนที่ ‘จ่ายเงิน’ ให้คนอื่นทำงานบางอย่างที่ไม่ชอบหรือไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไหร่ เช่นการทำความสะอาดบ้าน กวาดสวน ทำงานจิปาถะต่างๆนานา งานที่จำเป็นต้องทำ เพียงแต่คนเหล่านั้นไม่อยากทำมากนัก

ผลที่ได้ (อาจจะไม่น่าแปลกใจ) คือคนที่เต็มใจจ่ายเงินเพื่อ ‘ซื้อเวลา’ ของตัวเองคืนมาบ้างนั้นมีความสุขและโดยรวมแล้วมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่าคนที่ไม่จ่าย

ถึงตรงนี้เราอาจจะคิดว่า ‘ก็ใช่สิ คุณมีเงินถึงจะซื้อเวลาได้’ คนกลุ่มนี้มีความสุขมากกว่าเพราะมีเงินพอที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้

ในผลการศึกษาชิ้นนี้กลับบ่งบอกว่าไม่ว่าคุณจะมีความมั่งคั่งในระดับไหน เมื่อเทีนบกับคนที่มั่งคั่งในระดับเดียวกัน ถ้าคุณใช้เงินซื้อเวลาคืนให้กับตัวเองบ้างจะมีความสุขและความพึงพอใจในชีวิตมากกว่า

พูดอีกอย่างก็คือว่าไม่ว่าจะรวยหรือจน ถ้าลอง ‘ซื้อเวลา’ ของตัวเองคืนมาบ้างจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น

แต่ข้อแม้ก็คือว่าคุณต้องซื้อให้ถูกวิธีครับ

ก่อนจะไปอธิบายว่าทำยังไง ขอเล่าเรื่องการทดลองชิ้นหนึ่งก่อน

นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้รวบรวมผู้เข้าร่วมการทดลองมากลุ่มหนึ่ง โดยให้เงินคนละ 40 เหรียญ​ (ประมาณ 1,500 บาท) แล้วให้โจทย์ว่าต้องเอาไปซื้อของอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ แต่ต้องซื้อเป็นของเท่านั้น

อาทิตย์ต่อมาผู้เข้าร่วมการทดลองกลับมาใหม่อีกรอบ ได้เงิน 40 เหรียญเท่าเดิม แต่ครั้งนี้พวกเขาต้องใช้เงินเพื่อทำให้ตัวเองมีเวลาว่างมากขึ้น หรือใช้เงินเพื่อ “ซื้อเวลา” ของตัวเองคืน โดยให้คนอื่นไปทำงานจิปาถะ งานบ้าน ส่งของ ฯลฯ จ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นไปทำงานที่ตัวเองไม่อยากทำ เพื่อที่จะได้มีเวลาว่างไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้

ผลลัพธ์ถึงตรงนี้ก็น่าจะพอเดาได้ คนที่ใช้เงินซื้อเวลารู้สึกเครียดน้อยกว่า มีความสุขและพึงพอใจมากกว่า

ข้อแม้ก็คือว่าการซื้อเวลาให้มีความสุขต้องมาจากการตัดสินใจที่ไตร่ตรองแล้วว่างานไหนที่จะให้คนอื่นเป็นคนทำแทน และเหตุผลอะไรที่คุณจะส่งต่องานนั้นให้คนอื่นทำ

ยกตัวอย่างแบบนี้ครับ ถ้าเราจ่ายเงินเพื่อให้คนมาทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหมายความคุณก็กลับมายุ่งและรู้สึกว่าไม่มีเวลาอีกครั้ง กุญแจสำคัญของการซื้อเวลาเพื่อเพิ่มความสุขให้กับตัวเองคือการตัดสินใจก่อนเลยว่าจะใช้เวลาที่ซื้อคืนมานั้นไปกับอะไร

การซื้อเวลาจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นก็ต่อเมื่อมันมีความตั้งใจและเป้าหมาย ไม่ใช่ซื้อเวลาเพราะแค่คุณยุ่ง แต่ต้องมีเหตุผลว่าถ้าได้เวลาคืนมาคุณจะเอาไปใช้กับอะไรที่แตกต่างออกไป

แทนที่จะทำความสะอาดบ้าน คุณอาจจะ ‘ตัดสินใจ’ ที่จะใช้เวลาตรงนี้กับครอบครัว คนรัก ทำงานอดิเรก อ่านหนังสือ หรือไปออกกำลังกาย ฯลฯ

เพราะฉะนั้นมันคือการซื้อเวลาคืนมาเพื่อไปทำอะไรก็ตามที่อยากจะทำ ใช้เงินเพื่อควบคุมเวลาของตัวเอง ควบคุมชะตากรรมของตัวเอง นี่คือการใช้เงินซื้อความสุขเพิ่มในชีวิต

ไม่ว่าจะบัฟเฟตต์ คิวบาน หรือเราทุกคน ก็ทำได้เช่นเดียวกัน