ปัญหาส่วนใหญ่ของมือใหม่หัดออม คือไม่รู้ว่าควรเริ่มอย่างไร แบ่งเก็บเดือนละเท่าไรดี ซึ่งพอเริ่มศึกษาไปซักพัก คิดว่าทุกคนต้องเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ควรออมเงิน 10% ของรายได้” กันบ้างแน่ๆ ถึงแม้ทฤษฎีใหม่จะบอกว่าควรออมเงินมากกว่า 10% แต่สุดท้ายแล้วตัวเลขนี้ก็ยังเป็นพื้นฐานอยู่ดี

สงสัยกันไหมครับว่า ทำไมต้องเป็น 10% ตัวเลขนี้มีที่มาอย่างไร? aomMONEY จะเล่าให้ฟัง

1.เริ่มต้นได้ง่ายสำหรับมือใหม่

คนที่จิตใจเข้มแข็ง หรือออมเงินเก่งแล้ว อาจรู้สึกว่าตัวเลข 10% นั้นฟังดูน้อย แต่สำหรับคนที่ไม่เคยออมเงินมาก่อนเลย มันก็เหมือนกับเงินหายไป 10% จึงเป็นเหมือนไฟต์บังคับให้รู้จักวางแผนการเงิน เป็นการสร้างนิสัยการออมขั้นพื้นฐานที่ดี

2.เป็นตัวเลขที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องคำนวณ

ตัวเลข 10% ทำให้เข้าใจง่าย ไม่ต้องคำนวณให้วุ่นวาย ท่องไว้เลยว่า “แค่ตัด 0 ตัวท้ายออก” เช่น เรามีเงินเดือน 20,000 บาท การออม 10% ก็คือต้องออมเดือนละ 2,000 บาท ถ้าเงินเดือน 30,000 บาท ก็คือออมเดือนละ 3,000 บาท

3.ทำได้จริงในระยะยาว

เดือนไหนที่ค่าใช้จ่ายเยอะ การกำหนดสัดส่วนเงินออมไว้ที่ 10% จะทำให้เราไม่ต้องรับภาระมากเกินไป อย่าลืมว่าไม่จำเป็นต้องออมทีละมากๆ สิ่งสำคัญคือการทำอย่าง “สม่ำเสมอ” ต่างหาก

ทริกสนุกๆ ในการออม

ถ้ารู้สึกว่าต้องการออมเงินเพิ่มจาก 10% แต่ยังไม่อยากกำหนดเปอร์เซ็นต์ตายตัว ลองทริกสนุกๆ แบบนี้ดูครับ เช่น ถ้าซื้อของ 2,000 บาท ก็ต้องออมเงินเพิ่มอีก 10% หรือ 200 บาท ช้อปยังไงให้มีเงินออมเพิ่มเก๋ๆ

ทริกสำหรับนักออมมือใหม่ที่เริ่มเก๋า

พอเริ่มออมเงินไปสักพัก หรือมีรายได้มากขึ้น ลองเพิ่มความท้าทาย อัพเลเวลด้วยการเพิ่มสัดส่วนของการออม จากเดือนละ 10% เป็นเดือนละ 15-20% หรือมากกว่านั้น โดยกำหนดตัวเลขให้สัมพันธ์กับรายรับ-รายจ่าย ได้เลยครับ

ไม่ว่าจะยุคไหน การออมเงินก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันคือการการันตีอนาคตว่าเราจะมีเงินเก็บไว้ใช้ตอนเกษียณ หรือตอนที่ตกงานไม่มีรายได้ ดังนั้นมาเริ่มออมเงินกันเถอะครับ เดือนละเล็กละน้อยตามกำลังก็ยังดี ด้วยความปรารถนาดีจาก aomMONEY