วันนี้จะเสนอกฎเหล็ก 6 ข้อ ในการเลือกธุรกิจมา "ออมหุ้น" นะครับ ตอนนี้กระแสการออมหุ้นนั้นอยู่ในจุดที่ได้รับการสนใจมากถึงมากที่สุด โดยส่วนตัวผมแล้วก็ยังคงแนะนำวิธีการซื้อ โดยการใช้กระบวนท่า Dollar Cost Average เช่นเดิม เนื่องจากมันเป็นวิธีการที่ลงทุนง่ายเพียงแค่ กำหนดเงินลงทุนในแต่ละเดือนให้เท่ากัน และลงทุนไปใน "หุ้น" หรือ "กองทุน" ที่เราสนใจ วิธีนี้อย่างที่ทุกคนทราบกันแล้วว่ามันจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้มากขึ้นเมื่อหุ้นมีการปรับตัวในราคาที่สูงขึ้นและสามารถซื้อหุ้นในจำนวนที่มากขึ้นเมื่อราคาปรับลดลง DCA จึงเป็นเพื่อนที่ดีในการต่อสู้กับ Mr.Market ในตลาดได้โดยที่เราไม่ต้องกังวลอารมณ์ใดๆที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาด

ผมเคยเขียนเรื่องวิธีการเลือกหุ้นที่น่าออมในเบื้องต้นไว้ แต่ครั้งนี้จะเจาะลึกถึงในแง่มุมของรายละเอียดธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและเราควรจะ Focus ถ้าคุณหาคาแร็กเตอร์ของธุรกิจในลักษณะนี้ได้ ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถกรองธุรกิจที่มาลงทุนด้วยวิธีการแบบ DCA ได้ง่ายลงอีกเพื่อเป็นหลักการง่ายๆสำหรับมือใหม่ ซึ่งอาจจะนำไปพิจารณาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามวิธีการของแต่ละคนได้นะครับ

ธุรกิจที่เป็นสุดยอดและสามารถนำมาลงทุนด้วยการทำ DCA ได้ มีดังนี้ครับ

1.  ธุรกิจนี้สามารถสร้างมูลค่าใหม่จากวัตถุดิบเดิมและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจที่สร้างมูลค่าใหม่จากวัตถุดิบเป็นอย่างไร? เท่าที่ผมสังเกตมานั้นธุรกิจมันก็จะมีอยู่หลายแบบ อย่างง่ายที่สุดที่เราจะเจอก็คือ ธุรกิจที่สั่งสินค้ามา พอสั่งเยอะๆ ก็จะได้ส่วนลด เช่น ชิ้นละ 100 บาท ถ้าซื้อ 1,000 ชิ้น เหลือชิ้นละ 50 บาท แล้วนำไปขายในราคา 120 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกำหนดไว้ในหน้าปกของสินค้าเพื่อให้เกิดมาตรฐาน นั่นก็เท่ากับว่าหากธุรกิจต้องการจะเพิ่มกำไรนั้นก็ต้องสั่งสินค้าให้มากขึ้นจะได้มีต้นทุนที่ถูกลง แต่สิ่งที่จะเกิดเป็นความเสี่ยงนั้นคือเรื่อง "การขายของไม่ออก" สินค้านั้นต้องหมุนไว หมุนเร็วๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นของค้างในสต็อกและถ้าแย่ไปกว่านั้นก็อาจจะนำไปสู่การขาดทุนได้ หลายธุรกิจพบความเสี่ยงจากการทำธุรกิจลักษณะนี้เมื่อไม่สามารถกำหนดสินค้าที่สั่งเพื่อให้เหมาะสมกับการขายให้กับลูกค้าได้ ในขณะที่จะต้องพบต้นทุนอื่นๆที่เข้ามาอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นพนักงานเงินเดือนขึ้น ค่าเช่าที่ขึ้น หากบริหารไม่ดี อัตราการทำกำไรขององค์กรจะมีปัญหา

แน่นอนครับว่าสิ่งที่ผมมองในเรื่องของสุดยอดธุรกิจนั้นคือ การทำกำไรในสินค้ามันจะต้องเป็นลักษณะเกิดมูลค่าเพิ่มของกิจการได้ ไม่ใช่แค่การสั่งเยอะๆเพื่อได้รับส่วนลดมาสร้างเป็นผลกำไรเท่านั้น แต่ธุรกิจที่ผมนึกถึงในการเพิ่มมูลค่าแล้วลูกค้ายอมจ่ายกลับเป็นเรื่องของการใช้หลักการ นำนมมาปั่นเป็นไอศครีมและใส่กล้วยหอมผ่าครึ่งลงไปตกแต่งนิดหน่อยและขายมันออกไปที่ราคา 200 บาท ซึ่งต้นทุนเหล่านั้นถ้ามาคิดเป็นกำไรแล้วถือว่าสูงมาก และผู้ให้บริการสามารถปรับราคาขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีการตกลงกับผู้ผลิตก่อนเหมือนบรรดาวสินค้าที่ต้องติดราคามาตรฐานไว้ 

มันอาจจะไม่ได้เป็นในแค่เรื่องของมิติด้านการเพิ่มคุณมูลค่าจากการผลิตเท่านั้น อาจจะเป็นมิติในด้านคุณภาพต่างๆที่จะเห็นได้ในการบริการที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ายอมจ่ายแพงมากกว่าที่อื่นได้และยินดีที่จะใช้บริการไปเรื่อยๆในอนาคต

2. ธุรกิจนี้จะต้องมีเงินสดหมุนได้อย่างต่อเนื่องและสามารถตอบแทนผู้ถือหุ้นได้ตามอัตราการเติบโต

ธุรกิจที่น่าสนใจ ควรเป็นธุรกิจที่มีเงินหมุน มีกำไรจากการขายก็สามารถเก็บเป็นเงินสดได้เร็วเพราะสามารถลดความเสี่ยงในการเบี้ยวหนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถนำเงินที่ได้รับมาเร็วไปต่อยอดในการลงทุนรวมถึงตอบแทนผู้ถือหุ้น ธุรกิจที่น่ามองหาควรจะเป็นลักษณะ ซื้อเงินเชื่อ ขายเงินสด ทั้งนี้มันก็อยู่ที่แต่ละธุรกิจได้ บางธุรกิจต้องอาศัยเงินเชื่อในการค้าขาย แต่ธุรกิจใดๆที่ได้รับเงินสดก็ย่อมมีความได้เปรียบในการต่อยอดเสมอ ในกรณีที่เป็นธุรกิจที่หมุนกับเงินเชื่อก็จะทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำธุรกิจ ไม่มีเงินหมุนในกิจการบ้าง ต้องขายเงินลงทุนมาเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินบ้าง ต้องกู้หนี้ยืมสินและเกิดต้นทุนทางการเงินบ้าง

แน่นอนครับว่าสิ่งที่ผมมองหาอีกสิ่งหนึ่งและหลายๆคนก็ชอบเช่นกันคือ ธุรกิจที่มีกำไรและแบ่งบางส่วนมาตอบแทนผู้ถือหุ้นได้ และเพิ่มมากขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ ราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็แบ่งให้ผู้ถือหุ้น 0.50 บาท และ นำไปลงทุนต่ออีก 0.50 บาท พอในปีต่อมาธุรกิจโตก้าวหน้าเพราะมีการขยายกิจการลงทุน ราคาหุ้น 20 บาท กำไรหุ้น 2 บาท ก็แบ่งให้ผู้ถือหุ้น 1 บาท และนำไปลงทุนอีก 1 บาท หากเราซื้อมาตั้งแต่ปีแรก แน่นอนว่าเราจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าคนที่มาลงทุนในปีที่ 2 (ซื้อมา 10 บาท ปีแรกได้ปันผล 0.50 บาท แต่ปีที่ 2 ได้ 1 บาท) ซึ่งทำให้หลายๆคนที่ลงทุนและเติบโตไปพร้อมธุรกิจมีโอกาสได้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลได้ถึง 20% 50% 100% 1,000% ได้

3. ธุรกิจที่มันธรรมดา ไม่ตามกระแส ไม่ตายง่ายๆจากการเปลี่ยนแปลง

หลายคนคงจะเห็นประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่าธุรกิจอะไรที่เป็นไปตามกระแส มันจะมาเร็วไปเร็ว อยู่สั้นๆและก็ออกไปจากตลาดโดยที่เราไม่รู้ตัว มองง่ายๆเช่น ตุ๊กตาเฟอร์บี้ วิสแบรนด์ใส่ข้อมือ สินค้าตามกระแสบอลโลก เกมส์ออนไลน์อย่าง ฟาร์มวิว เฮเดย์ คุ๊กกกี้รัน และ เกมส์เศรษฐี ถ้าเรามองมันเป็นธุรกิจหุ้นที่ทำกำไรให้กับเรานั้น จะพบว่ามาแรงมาก ทำกำไรให้เราอยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็จากตายไปอย่างง่ายๆ อาจจะไม่เหมาะสมกับการออมหุ้นระยะยาวอย่าง DCA นัก วิธีการง่ายๆก็คือลองถามตัวเองว่า ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ไปอีก 40-50 ปี จะมีธุรกิจอะไรในวันนี้ที่มันจะอยู่ถึงวันนั้นบ้าง? มันอาจจะตอบยากนะ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา