เคยสงสัยมั้ยครับว่า การขอคืนภาษีด้วยประกันชีวิตนั้น มันเหมาะกับคนแบบไหน?

ทำไมถึงไม่เลือก LTF, RMF หรือว่าวิธีการลดหย่อนภาษีอื่นๆ อีกมากมายที่มีให้เลือกกันล่ะ เหตุใดเล่าจึงต้องมาเลือก “ประกันชีวิต” ให้กับตัวเราด้วย

คนแบบไหน… ที่ควรเลือกขอคืนภาษีด้วยประกันชีวิต?

จากประสบการณ์ทำงานของพรี่หนอมเอง สรุปออกมาได้ว่า คนที่ต้องการขอคืนภาษีด้วยประกันชีวิตนั้น นอกเหนือจากการมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีแล้ว ควรจะมีความต้องการ 3 อย่างนี้เสียก่อนครับ

  1. ต้องการสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองมากกว่าผลตอบแทนจากการลงทุน สิ่งแรกที่ต้องพูดกันตรงๆแบบไม่มีกั้ก นั่นคือ ประกันชีวิตที่มีมากมายในท้องตลาด แม้ว่าจะบอกว่ามีผลตอบแทนมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผลตอบแทนที่ได้รับนั้น ก็ไม่มีทางที่จะมากกว่าการลงทุนโดยตรง เพราะสิ่งที่ได้รับจาก “ประกัน” มันคือ “การป้องกันความเสี่ยง” ซึ่งผลตอบแทนที่หายไปจากการลงทุนก็ได้มาชดเชยอยู่ในรูปแบบของ “ความคุ้มครอง” นั่นเองครับ
  2. ต้องการสร้าง “วินัย” เพื่อได้รับ “เงินก้อนใหญ่” ในอนาคต ประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้นั้น มีอยู่ 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มประกันชีวิตที่ให้เป็นผลตอบแทนจากการออมเงิน และอีกกลุ่ม คือประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้เน้นในเรื่องของการสร้างวินัย เพื่อ “สิ่งที่จะได้รับ” ในอนาคต
  3. จัดการด้านการเงินได้ดี และรู้ว่าเป้าหมายการเงินคืออะไร ที่จริงแล้ว ข้อสุดท้าย คือจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องของทุกๆเรื่องการวางแผนภาษีครับ นั่นคือ ตัวเราเองต้องมีการจัดการการเงินของตัวเองได้ดี (มีเงินพอจะจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต) และมีครบทุกเป้าหมายการเงิน (ป้องกันความเสี่ยง, เกษียณ, ลงทุน ฯลฯ)

เห็นไหมครับว่า จริงๆแล้วคุณสมบัติของคนที่ต้องการขอคืนภาษีด้วยประกันชีวิตนั้น ต้องมีการพิจารณาและจัดการด้านการเงินอย่างเหมาะสม รวมถึงรู้ว่าวัตถุประสงค์ของตัวเองต้องการอะไร เพียงแค่นี้ก็ทำให้เราได้รับทั้งประโยชน์ครบในเรื่องภาษี และมีชีวิตที่ดีด้วยการจัดการการเงินที่ดีครับ

แล้วจะเลือกประกันแบบไหน? ก่อนที่จะพูดกันต่อเราลองมาดูคลิปนี้กันครับ

https://www.youtube.com/embed/aDfF_f0R3dg

https://www.facebook.com/KrungthaiAXALife/videos/1660574967334833/

“ก เอ๋ย กอ ไก่ แล้ว ขอ ไข่ คืออะไรอ่ะแม่?” เด็กน้อยคนหนึ่งถามแม่ในลิฟท์
"อ้อ ขอ ไข่ ขอคืนไง ลูก” แม่ตอบกลับพร้อมเด็กน้อยคนเดิมที่ทำหน้างงว่าไม่ตรงกับที่เรียนมานี่หว่า?

จากโฆษณาประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีของทาง Krungthai-AXA Life ที่พูดถึงเรื่องการ “ขอคืนภาษี” โดยเน้นที่คำว่า “รอไม่ได้” ทางแบรนด์มองว่าเรื่องขอคืนภาษีเป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตของเรา และเป็นรายจ่ายที่เราสามารถประหยัดได้ เพียงแค่รู้จักการวางแผนภาษีเท่านั้น

เปิดมาซะขนาดนี้ แน่นอนว่าหลังจากจบที่ความรู้ไปแล้ว งานขายก็ต้องมาครับ กับการแนะนำประกันชีวิตของกรุงไทย-แอกซ่า สำหรับคนที่ต้องการขอคืนภาษีด้วยประกันชีวิตกันครับ กับ 3 โปรดักส์เด่น คือ iRetire 5  iProtect S และ iGen นั่นเองครับ

โดยความแตกต่างของทั้ง 3 ตัวนั้น จะแบ่งออกตามวัตถุประสงค์แต่ละด้าน ได้แก่ วางแผนเกษียณ, มรดก และ วินัยการออม โดยแตกต่างกันตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละช่วงวัยครับ

  • ประกันบำนาญเพื่อวางแผนเกษียณ iRetire 5 จ่ายเบี้ย 5 ปี คุ้มครองยาว เลือกรับเงินบำนาญเป็นรายเดือนหรือรายปีก็ได้
    https://goo.gl/mKsJa2
  • ประกันชีวิตเพื่อเป็นมรดก iProtect S จ่ายเบี้ย 10 ปี คุ้มครองยาว รอรับผลประโยชน์งวดเดียวก้อนใหญ่
    https://goo.gl/mKsJa2
  • ประกันชีวิตเพื่อสร้างวินัยการออม iGen จ่ายเบี้ย 6 ปี แต่ได้รับผลประโยชน์คืนเร็วกว่าและได้เงินคืนทุกปี
    https://goo.gl/mKsJa2

"มาถึงตรงนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วล่ะครับ เราว่าอยากเลือกทางไหน?"

โดยทาง กรุงไทย-แอกซ่า เองก็มีรายละเอียดแต่ละตัวให้เปรียบเทียบกันตามนี้ครับ

หมายเหตุ : ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

สำหรับแนวทางการเลือกนั้น พรี่หนอมอยากแนะนำให้พิจารณาจากความต้องการทั้ง 3 ของเราก่อนครับ แล้วค่อยตอบคำถามว่าจะเลือกตัวไหนเพื่อประโยชน์สูงสุดด้านการเงินของเราครับ

อย่าลืมนะครับว่าการ “ขอคืนภาษี” นั้น มันต้องพอดีกับความต้องการและเหมาะสมกับแผนการเงินของตัวเรา

หากใครสนใจก็สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามนี้ครับ : https://goo.gl/mKsJa2
#KrungthaiAXA #อยากขอก็รีบขอ 
#ขอคืน

บทความนี้เป็น Advertorial