หลายคนที่กำลังวางแผนลดหย่อนภาษีในปีนี้ อาจจะกำลังมองหาประกันมาเป็นตัวช่วย แต่ก็ติดตรงที่ว่าไม่รู้ว่าจะซื้อประกันแบบไหน เลือกอย่างไรดี และต้องมีเทคนิคอะไรบ้าง วันนี้ผมจะมาสรุป 3 ข้อสำหรับสำหรับการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีให้พิจารณากันครับ

ข้อแรก ประกันต้องตรงตามวัตถุประสงค์

เงื่อนไขสำคัญอันดับแรกเลย คือ วัตถุประสงค์ในการซื้อประกันของเรา เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ว่าเราต้องการประกันแบบไหน เพื่อใช้ทำอะไรบ้าง เพราะบางทีแล้วประกันที่เราต้องการส่วนนึงก็ไม่ใช่ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ เช่น ประกันรถยนต์ แต่เราต้องซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของเรา

แต่ถ้ามองในมุมของประกันลดหย่อนภาษีแล้ว บางคนอาจจะต้องการทั้งป้องกันความเสี่ยงและได้รับเงินคืน ก็อาจจะมองหาประกันสะสมทรัพย์ หรือ ประกันแบบบำนาญ ส่วนบางคนที่ต้องการความคุ้มครองที่มากกว่าเพราะกลัวคนรุ่นหลังจะลำบาก ก็อาจจะต้องพิจารณาเรื่องประกันชั่วระยะเวลา หรือประกันตลอดชีพแทน แต่สำหรับคนที่อยากเน้นเรื่องความคุ้มครองสุขภาพต้องมาก่อน ก็ต้องย้อนมามองหาประกันสุขภาพนั่นเองครับ 

หลังจากนั้นค่อยมาดูเงื่อนไขต่อว่า ประกันแต่ละตัว ถ้าจะเอาสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีแล้ว กฎหมายได้กำหนดเงื่อนไขอะไรไว้บ้าง  เอาเป็นว่าเรามาดูรายการค่าลดหย่อนภาษีที่ผมเคยสรุปไว้ทั้งหมดกันก่อนครับ จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

จากตารางจะเห็นว่าในส่วนของประกันสุขภาพมีการปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งเดิมลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท กลายเป็น 25,000 บาท แต่อย่างไรก็ดี เมื่อรวมประกันชีวิตแล้วก็จะได้สิทธิสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทนั่นเองครับ

จากภาพรวมตรงนี้ ผมขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้าเลือกประกันได้แล้ว เราควรพิจารณาอีกประเด็นที่สำคัญประกอบกัน นั่นคือ เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีครับ 

ข้อสอง เช็คเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษี

เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะซื้อประกันแบบไหนยังไงบ้าง สิ่งที่เราต้องตามต่อ คือ เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษี ซึ่งประกันแต่ละประเภทนั้นมีเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีแตกต่างกันออกไป โดยผมเคยสรุปไว้ในแฟนเพจ ตามนี้ครับ 

https://www.facebook.com/TaxBugnoms/posts/4541306319228082

จะเห็นว่านอกจากเรื่องของวัตถุประสงค์แล้ว เงื่อนไขทางภาษีจะมาเป็นตัวช่วยที่ทำให้ประกันที่เราเลือกซื้อคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเพราะช่วยประหยัดภาษีที่เราต้องจ่ายได้ หรืออาจจะมองว่าการลดหย่อนภาษีเหมือนเป็นส่วนลดจากการซื้อประกันก็ได้เช่นเดียวกันครับ (แต่ลดได้ตามอัตราภาษีที่เราต้องเสียนะครับผม)

ประเด็นสำคัญ คือ เราต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากทำผิดเงื่อนไขแล้ว เราต้องคืนภาษีที่ใช้สิทธิลดหย่อน และอาจจะเสียเงินเพิ่ม (หรือดอกเบี้ย) อีกต่อหนึ่งด้วยครับ

ข้อสุดท้าย มองหาโปรโมชั่นที่โดนใจ ตอบโจทย์ให้ค่าเบี้ยประกันลดลง 

นอกจากการตรงตามวัตถุประสงค์และการลดหย่อนภาษีแล้ว สิ่งทีเราควรมองหา (โดยเฉพาะในยุคนี้) คือ การหาส่วนลดพิเศษ หรือ โปรโมชั่นเพิ่มเติมต่าง ๆ จากการซื้อประกัน รวมถึงตัวช่วยในการบริหารจัดการการเงินอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่าที่สุด เช่น โปรโมชั่นการซื้อผ่านบัตรเครดิต ส่วนลดที่มี (กรณีเลือกผ่อนชำระ) หรือ วิธีการประหยัดแบบต่าง ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเงินในกระเป๋าและสภาพคล่องของเราให้มากที่สุดครับ 

และนี่คือเคล็ดลับดี ๆ ที่นำมาฝากกันทั้ง 3 ข้อครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษีในตอนนี้อยู่นะครับผม

เอาล่ะครับ นอกจากเกร็ดความรู้และเทคนิคที่ผมนำมาฝากกันในบทความนี้ ผมยังมีโปรโมชั่นดีๆ มาฝากกันเพิ่มเติมด้วยครับผม (ขายของหน่อยจ้า ช่วงนี้งานต้องมาแล้วนะ)

แนะนำโปรโมชั่น ประกันมีคืน

บัตรเครดิต เทสโก้ โลตัส วีซ่า ทุกประเภท

สำหรับคนที่สนใจตัวช่วยในการประหยัดเงินหรือได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มอย่างที่ว่ามา ทางบัตรเครดิต เทสโก้ โลตัส เขาฝากมาบอกครับว่า ในกรณีที่ซื้อประกัน กับนายหน้า ตัวแทน บริษัทประกันภัยทุกที่ ผ่านบัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส วีซ่าสามารถรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,200 บาท/เดือน กันเลยทีเดียว  โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. รับเงินคืน สูงสุด 2,000 บาท

กรณีชำระเบี้ยประกันประเภทใดก็ได้ / เซลล์สลิป (จำกัดการรับเครดิตเงินคืนรายการรูดเต็มจำนวนสูงสุด 2,000 บาท / บัญชีบัตรหลัก / เดือน)

สำหรับตรงนี้ ผมอธิบายเพิ่มเติมครับว่า การรับเงินคืนจากการซื้อประกันเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีเลยครับ ถ้าหากเราสามารถมองหาโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่ได้รับเครดิตเงินคืนจากซื้อได้ มันเท่ากับว่าเราจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการประหยัดค่าเบี้ยประกันไปด้วยเพราะเป็นการจ่ายเงินน้อยลงนั่นเอง โดยการได้เงินคืน 2,000 บาทจากการซื้อประกันในยุคนี้ก็ถือว่าเยอะอยู่นะครับผม

2. รับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 1 เท่า

เมื่อเปลี่ยนยอดรูดประกันเต็มจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป เป็นรายการผ่อนชำระรายเดือน (จำกัดการรับเครดิตเงินคืนเพิ่มจากการเปลี่ยนเป็นรายการผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 2,000 บาท / บัญชีบัตรหลัก / เดือน)

ประเด็นเพิ่มเติมตรงนี้ที่โปรโมชั่นให้มา จะเหมาะสำหรับผู้ที่บริหารจัดการเงินตัวเองในช่วงรัดตัวแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าโควิดทำให้ใครหลายคนต้องบริหารจัดการเงินกันใหม่ ดังนั้นถ้าการแบ่งจ่ายช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้ มีกระแสเงินสดมากขึ้นเพียงพอในช่วงนี้ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากประกันยังคงอยู่ ถ้าใครมองแล้วว่าตัวเองไม่ไหว ตรงนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถบรรเทาภาระเราได้เหมือนกันครับ โดยสิทธิพิเศษที่ได้รับเพิ่มเติมเข้ามาก็คือ เราจะได้รับเครดิตเงินคืนเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า เป็นจำนวนสูงสุดถึง 2,000 บาทไปด้วยครับ

3. พิเศษ!! รับเพิ่มเครดิตเงินคืน 1,200 บาท

เมื่อสะสมยอดชำระเบี้ยประกันครบ 350,000 บาทขึ้นไป / เดือน  (จำกัดรับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 1,200 บาท / บัญชีบัตรหลัก / เดือน และไม่เกิน 3,600 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการ)

สำหรับโปรโมชั่นนี้ ต้องบอกเลยว่า สนับสนุนการร่วมมือร่วมใจในการบริหารจัดการการเงินของคนในครอบครัวของเราได้อีกด้วยครับ เพราะไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นเบี้ยประกันของเราเพียงคนเดียว แต่เราสามารถรวมกันจ่ายบี้ยประกันเพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้อีกด้วย เพื่อให้ได้เครดิตเงินคืนที่มากขึ้นอีกต่อหนึ่งนั่นเองครับ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยให้เราได้เงินคืนเพิ่มขึ้นเช่นกันครับ ฮ่าๆ

โดยต้องลงทะเบียนภายในวันที่ทำรายการ โดยลงทะเบียนฟรี ผ่าน U CHOOSE (พิมพ์หน้าค้นหาโปรฯ TPK4)  หรือ SMS พิมพ์ TPK4 (วรรค) หมายเลขบัตร 16 หลัก ส่งไปที่ 081-250-7777 รอรับข้อความยืนยันจากระบบ (ค่าบริการขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์

สนใจประกันลดหย่อนภาษีสุดคุ้ม คลิก https://bit.ly/2JIXZJh

บทความนี้เป็น Advertorial