ถ้ามีใครสักคนพูดขึ้นมาว่า “อยากวางแผนลดหย่อนภาษี” เชื่อเลยครับว่าต้องมีคนแนะนำ “ประกันชีวิต” ตามมาทันทีเป็นตัวเลือกแรกๆ แถมบางคนมักจะตบท้ายด้วยประโยคว่า เลือกประกันชีวิตนอกจากได้ลดหย่อนภาษีแล้ว เงินต้นยังไม่หาย แถมได้รับผลตอบแทนอีกด้วยนะ

ประโยคทั้งหมดที่ว่ามานี้ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดหรือไม่ดีหรอกนะครับ เพียงแต่เราควรเช็คให้ดีก่อนว่า การลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตนั้น มันช่วยตอบโจทย์ในทุกมุมมองของชีวิตและเป้าหมายที่เราต้องการไว้หรือไม่ เพราะวันนี้มีประกันมากมายหลากหลายรูปแบบที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน แต่ที่สำคัญคือเราจะเลือกให้มันถูกต้องและคุ้มค่าอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว ประกันชีวิตที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน มักจะเป็น ประกันชีวิตออมทรัพย์ (หรือสะสมทรัพย์) ด้วยเหตุผลตามที่ว่ามา (ลดหย่อนภาษี เงินต้นไม่หาย ได้ผลตอบแทน) แต่จริง ๆ แล้วยังมีประกันมากมายอีกหลายแบบซึ่งมีประโยชน์แตกต่างกันไปตามเป้าหมายของแต่ละคน

ดังนั้นคำถามสำคัญจริงๆ คือ นอกจากสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีที่เราได้รับแล้ว เราได้เลือกประกันชีวิตได้อย่างคุ้มค่า เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของเราหรือเปล่า?

จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับวงการการเงินมาบ้าง ผมสังเกตเห็นว่า บางคนมีการทำประกันชีวิตซ้ำซ้อน โดยเน้นที่ผลตอบแทนที่ได้รับให้รู้สึกว่าคุ้มค่าก่อน โดยไม่สนใจด้วยว่าความคุ้มครองที่ตัวเองได้นั้นมันเป็นแบบไหน? และไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่า จริงๆตัวเองต้องการอะไร แถมบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้นั้นมี 4 ประเภทที่แตกต่างกันไป

โดยบางคนอาจจะเลือกซื้อแต่ประกันแบบสะสมทรัพย์ โดยมีเป้าหมายที่ได้รับเงินจริงเมื่อถึงช่วงเวลาที่กำหนด แต่ไม่ได้ความคุ้มครองที่เพียงพอต่อความต้องการจริงๆ หรือบางคนอาจจะจ่ายประกันชีวิตตลอดชีพโดยที่ไม่ได้ต้องการระยะเวลาการคุ้มครองที่ยาวนานขนาดนั้น ฯลฯ

มาถึงตรงนี้ นอกจากคำถามที่ว่า จะเลือกประกันให้คุ้มค่ากับความต้องการ อาจจะต้องถามเพิ่มด้วยว่า แล้วถ้าเราเลือกประกันเอง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าถูกต้อง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าพอดีกับตัวเองจริง?

เอาล่ะครับ ถึงเวลาขายของกันแล้ว เพราะสิ่งที่ตอบคำถามเหล่านี้ คือ ระบบแนะนำประกันได้โล่ โดย เทรเชอริสต์

"ระบบแนะนำประกันได้โล่ โดย เทรเชอริสต์" คืออะไร

ถ้าพูดให้ง่ายที่สุดในมุมมองผม ได้โล่ คือ ระบบช่วยคัดเลือกประกันที่เหมาะสมกับแต่ละคน และเราสามารถใช้ตรวจสอบว่าประกันที่ชีวิตที่เรามีเพียงพอกับเป้าหมายหรือยัง ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการคำนวณอัตโนมัติโดยระบบที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดี เพื่อให้เกิดความเป็นกลางมากที่สุด โดยเทรเชอริสต์ มี 124 แบบประกัน จากบริษัทประกันชั้นนำของไทย 11 บริษัท ซึ่งต้องบอกว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ว่ามานี้ ให้บริการฟรี!!

นอกจากนั้น เรายังสามารถซื้อประกันที่ต้องการเพิ่มเติมได้ทันทีถ้าต้องการ โดยข้อดีสำหรับการใช้งานระบบนี้ที่เห็นได้ชัดๆ คือ ตัวผู้ใช้งานจะไม่ต้องถูกรบกวนจากคนขายประกันในเวลาที่ยังไม่อยากได้ แต่ถ้าอยากได้เมื่อไรก็แค่แจ้งความต้องการผ่านระบบ โดยกดสนใจที่แผนประกันเพื่อให้ข้อมูลติดต่อกลับ ซึ่งทางพันธมิตรของได้โล่นั้นจะติดต่อกลับไปภายใน 2 วันครับผม

ผมลองทำคลิปรีวิวการใช้งานได้โล่แบบสั้นๆ ไว้ให้ดูครับ เพียงแค่กรอกข้อมูลต่างๆที่เรามีไป แล้วสมัครสมาชิก ล็อกอินเข้าสู่ระบบ เราจะได้รับข้อมูลประกันที่แนะนำทันทีครับ https://youtu.be/xQai_M26sq8 แต่ถ้าอยากลองทำจริง ก็สามารถมากรอกจริงได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ https://bit.ly/2LwhUe9 

แถมท้ายสักนิด แล้วประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้นั้น มันมีเงื่อนไขอย่างไร? 

สำหรับคนที่สนใจว่าประกันชีวิตแบบไหนลดหย่อนภาษีได้นั้น เรามาดูกันที่เงื่อนไขตามกฎหมายกันดีกว่าครับ เพื่อที่จะได้เช็คอีกทีว่า ประกันชีวิตที่เรามีอยู่นั้น มันสามารถลดหย่อนภาษีได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า

1. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือ เงินฝากแบบมีประกันชีวิต

กลุ่มนี้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกินจำนวน 100,000 บาท โดยกลุ่มนี้จะหมายความรวมถึงเบี้ยประกันชีวิตทั้ง 3 แบบด้านบน นั่นคือ แบบสะสมทรัพย์ แบบชั่วระยะเวลา และแบบตลอดชีพ

ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้ การหักค่าเบี้ยประกันจะหักได้สูงสุด 10,000 บาท แต่ถ้าหากคู่สมรสมีรายได้จะหักสูงสุดได้ถึง 100,000 บาทครับ

สำหรับเรื่องของเงื่อนไขนั้น จะมีเรื่องของระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย ได้รับเงินคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี ฯลฯ

2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกินจำนวน 200,000 บาท กลุ่มนี้จะเป็นเงื่อนไขจำนวนเงินแยกออกมาจากประกันชีวิต 3 ประเภทในข้อ 1 ครับ

นอกจากนั้น ประกันชีวิตแบบบำนาญ ถือเป็นตัวลดหย่อนภาษีที่เป็นการวางแผนเกษียณ ซึ่งจะมีเงื่อนไขแยกต่างหากของกลุ่มนี้ครับ คือ ยอดรวมของ RMF + กบข./กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน + กองทุนการออมแห่งชาติ + ประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทอีกด้วยครับ

สำหรับเงื่อนไขประกันชีวิตแบบบำนาญนั้นจะมีเรื่องของ ระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป  ทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย และมีการ จ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ และกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์เมื่อเรามีอายุตั้งแต่ 55-85 ปี หรือมากกว่านั้น รวมถึงต้องจ่ายเบี้ยประกันครบก่อนได้รับผลประโยชน์อีกด้วยครับ

สำหรับการทำประกันชีวิตทั้ง 2 กลุ่มนี้ ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวเองมีค่าเบี้ยประกันที่จ่ายเท่าไร ผมแนะนำว่าให้เน้นความสำคัญตรง ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันที่ระบุไว้ว่าเป็นค่าประกันชีวิตเท่าไร ตรงนี้ข้อมูลจะชัดเจนที่สุดครับ

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของประกันสุขภาพต่างๆ ที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะครับ เช่น เบี้ยประกันสุขภาพตัวเอง หรือ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ สรุปครบ! รายการลดหย่อนภาษีปี 2562 พร้อมวิธีคำนวณและเทคนิคการวางแผนภาษีจากประสบการณ์จริง ครับผม

สุดท้ายก่อนจากกัน ขอฝากข้อคิดไว้สักเล็กน้อยสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อประกันชีวิตละกันครับ นั่นคือ การซื้อประกันชีวิตที่คุ้มค่าที่สุด ต้องครอบคลุมทุกเป้าหมาย จ่ายไหว และได้สิทธิลดหย่อนภาษีที่คุ้มค่า

และนี่คือสิ่งที่ทำให้ประกันชีวิตที่เราซื้อ มีคุณค่าในตัวของมันเองครับ..

บทความนี้เป็น Advertorial