หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก สถานการณ์ในหลายๆ ประเทศก็เริ่มฟื้นตัว บางประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้นจนเศรษฐกิจสามารถปรับตัวไปต่อได้แล้ว ในขณะที่บางประเทศกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว หรืออาจจะต่อสู้กับวิกฤตในครั้งนี้อยู่ ทำให้มีการเติบโตที่แตกต่างกัน และที่สำคัญจากปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจนี่เอง ทำให้นักลงทุนหลยคนเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ หรือ การลงทุนตามธีมต่างๆ กันมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในตอนนี้ มีเพียงไม่กี่อย่างครับ ได้แก่

1. ปัญหาสินค้าขาดแคลน

คือ คนมีเงินที่จะซื้อแต่กลับไม่มีสินค้าที่ต้องการ จากปัจจัยการหยุดชะงักของภาคการผลิตทำให้สินค้าไม่เพียงพอ หรือแม้มีสินค้า ก็อาจเกิดปัญหาความล่าช้าในการขนส่ง ทำให้ราคาของสินค้าที่มีอยู่ราคาสูงขึ้นจนนำไปสู่เงินเฟ้อ ที่คาดว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ลากยาวนานไปถึงปีหน้าได้

2. ปัญหานโยบายของธนาคารกลาง

จากที่เคยพิมพ์เงินจนมีสภาพคล่องสูงๆ ตอนนี้สภาพคล่องอาจจะเริ่มลดลงแล้วครับ เพราะธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการพิมพ์เงินและซื้อพันธบัตรน้อยลง แล้วเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนั่นเอง

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้นักลงทุนหลายคนมองหาการลงทุนที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ ไปพร้อมๆ กับโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี วันนี้ aomMONEY ขอพาไปรู้จักกับ “กองทุน KTAM World Equity RMF (KT-WEQ RMF)” จาก บลจ.กรุงไทย ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก แถมได้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย จะมีความน่าสนใจยังไง? เราไปทำความรู้จักกันเลยครับ

กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ KTAM World Equity RMF (KT-WEQ RMF)

เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB Low Volatility Portfolio (Master Fund) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งกองทุนหลักมีวัตถุประสงคในการลงทุนในระยะยาว โดยการลงทนในตราสารทุน ที่มีปัจจัยพื้นฐาน มีความผันผวนตํ่า และมีความเสี่ยงในการปรับตัวลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตในระดับที่ตํ่า ผู้จัดการกองทุนจะทําการคัดเลือกหลักทรัพย์จากการจําลองพอร์ตการลงทุน เพื่อพิจารณาค่าความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุนควบคู่ไปกับประสบการณ์การลงทุนในการบริหารจัดการการลงทุนเพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่มีความผันผวนที่ตํ่าควบคู่ไปกับคุณภาพหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดีในการลงทุน ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ขอบริษัทที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม กองทุนไม่ได้จำกัดการลงทุนในประเทศใดประเทศหนงึ่ ซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วย

โดยแนวคิดการกระจายพอร์ตไปยังหุ้นทั่วโลก นับเป็นอีกทางเลือกที่ดูมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีมากกว่าสินทรัพย์อื่น เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตตามเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีทำให้หุ้นสามารถทำราคาได้สูงขึ้น

Low Volatility เลยเป็นแนวคิดสำคัญที่ทาง AB หรือ AllianceBernstein ได้ให้นิยามสั้นๆ ไว้ว่า เปรียบเสมือนการที่เรานั่งรถ คือเราอาจจะนั่งจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้หลายวิธี เพราะไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วเท่าไหร่ หรือเลือกใช้เส้นทางไหน ยังไงเราก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน แต่เส้นทางการลงทุนผ่านกองทุน KT-WEQ RMF อาจเรียกได้ว่า The Smoother Ride หรือ การขับขี่ที่เรียบง่ายและลื่นไหลมากกว่า เพราะแสดงถึงการที่กองทุนจะมีความผันผวนที่ถูกออกแบบมาให้ต่ำกว่าดัชนีนั่นเองครับ

โดยกองทุนหลัก AB Low Volatility Portfolio จะเลือกหุ้นกลุ่ม Defensive Stock ที่เน้นลงทุนใน 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ครับ

1. หุ้นกลุ่ม Utilities หรือ สาธารณูปโภค

เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไง คนก็ต้องใช้น้ำ ใช้ไฟ ใช้สาธารณูปโภคในการดำเนินชีวิต

2. หุ้นกลุ่ม Healthcare

โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว สวัสดิการด้านสุขภาพส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของภาครัฐ คนจะไม่ได้จ่ายเองทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจจะไปในทิศทางไหน ความต้องการด้านสวัสดิการเหล่านี้ก็ยังคงต้องมีอยู่อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

3. หุ้นกลุ่ม Consumer Staples

หรือ สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นพวกสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผู้คนยังต้องจับจ่ายใช้งานตลอด

ดังนั้น 3 กลุ่มนี้ จึงเป็นกลุ่ม Defensive Stock ที่กองทุนเน้นลงทุน เพราะส่วนใหญ่คือของจำเป็นที่ยังไงก็ต้องซื้อ มีความต้องการในปริมาณสูง แล้วมักจะปรับราคาขึ้นตามเงินเฟ้อ ทำให้กลุ่ม Defensive Stock กลายเป็นแหล่งที่นักลงทุนเข้าไปลงทุน ผู้จัดการกองทุนเลยเน้นลงทุน และเน้นเรื่องความมั่นคงของธุรกิจที่มีความได้เปรียบด้วย

กองทุนจะเน้นเลือกหุ้นที่มีปรัชญาการลงทุนอยู่ 3 อย่าง

จะเลือกจากปัจจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ภายใต้แนวคิดของ QSP : Quality Stability Price หรือ มีคุณภาพ มีเสถียรภาพ ในราคาจับต้องได้ ซึ่งเป็นปรัชญาการลงทุนที่สำคัญของกองทุนเลยครับ เพราะคิดว่าน่าจะตอบโจทย์นักลงทุน ในเวลาที่หุ้นแพงแต่ก็ยังอยากซื้อ

1. คุณภาพสูง (Quality)

จะต้องมีผลการดำเนินงานที่ไม่ได้แกว่งตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก และมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างสูงพอสมควร แล้วกองทุนจะเลือกหุ้นโดยการใช้กระแสเงินสดที่ทำได้ เพราะถ้าดูจากผลการดำเนินงาน หรือกำไร อาจจะมีความชัดเจนที่น้อยกว่ากระแสเงินสด ที่ไม่สามารถตกแต่งได้

2. เสถียรภาพสูง (Stability)

คือ รูปแบบของกำไรที่ค่อนข้างคาดหวังได้ เมื่อเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นก็อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่เวลาที่เศรษฐกิจเป็นขาลง บริษัทจะสร้างผลการดำเนินงานที่ยังดีอยู่ ถึงแม้อาจจะไม่ได้ดีเท่าขาขึ้น แต่ถือว่ายังดีกว่าบริษัทที่ขึ้น-ลงตามภาวะเศรษฐกิจ

3. ราคาที่จับต้องได้ (Price)

ปกติของดีและของแพงมักจะอยู่ด้วยกัน แต่ทางกองทุนจะหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความนิยมมากๆ เพราะการลงทุนที่มีนักลงทุนนิยมและหันมาลงทุนเยอะเกินไป ราคาอาจจะถูกตีกลับได้นั่นเอง

ผลตอบแทนของกองทุน KT-WEQ RMF เป็นยังไง?

ผลตอบแทนของกองทุน KT-WEQ RMF ถือว่าค่อนข้างสม่ำเสมอครับ แถมอัตราส่วนของส่วนที่ขาดทุนสะสมต่อเงินทุน (Drawdown) ก็ไม่ได้สูงด้วย และถ้าเพื่อนๆ ลองดูผลตอบแทนย้อนหลังประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าเฉลี่ยต่อปีอย่างต่ำ ปีละ 11.38% (ข้อมูล ณ 29 ตุลาคม 2564)

ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาการลงทุนที่สามารถสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว สินทรัพย์ประเภทหุ้นทั่วโลก ที่มีการกระจายความเสี่ยง อย่างกองทุน KT-WEQ RMF ก็น่าจะตอบโจทย์

กองทุน KT-WEQ RMF เหมาะกับใคร?

1. นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้

2. นักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุน และทำให้ขาดทุนได้

3. นักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป

4. เนื่องจากเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และจะไถ่ถอนได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปีบริบูรณ์ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี

5. นักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจอยากลงทุนใน กองทุน KT-WEQ RMF ตอนนี้ทาง บลจ.กรุงไทย ก็มีโปรโมชั่นพิเศษ ใครที่ถือบัตรเครดิต KTC สามารถซื้อกองทุน KTAM SSF/RMF ทุกกองทุนได้ทันที หรือจะใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินลงทุน 100 บาทก็ได้เหมือนกันครับ

* ทั้งนี้ เงื่อนไขการรับชำระด้วยบัตรเครดิต เป็นไปตามที่ บลจ.กรุงไทยและบัตรเครดิต KTC กำหนด

และเพื่อนๆ ยังสามารถไปลงทุนทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM SMART TRADE ได้ง่าย สะดวก ปลอดภัย สามารถดาวน์โหลดได้ทันทีผ่านทุกระบบระบบปฏิบัติการ

iOS : https://apps.apple.com/us/app/ktam-smart-trade-mutual-fund/id1575360749

Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nilecon.ktam&hl=th&gl=US

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.ktam.co.th

หรือ บลจ. กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 ในเวลาทำการ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี)

***คำเตือน***

1. การลงทุนในหน่วยลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน รวมทั้งไม่ได้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันเงินฝาก จึงมีความเสี่ยงจากการลงทุนที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน

2. ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนก่อนการลงทุน

3. กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

4. กองทุนหลักอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือผลตอบแทน จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงและสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป

5. เนื่องจากกองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของต่างประเทศ ที่ลงทุนในตราสารทั่วโลก กองทุนจึงมีความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง ตลาดเงิน อัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีอากร เป็นต้น

6.  ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

7. ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน อนึ่ง ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนที่กรมสรรพากรกำหนด และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับพร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฏากร

8. กองทุนมีปัจจัยความเสี่ยงที่สำคญ : ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุน และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

บทความนี้เป็น Advertorial