“โห โชคดีมากเลยนะพี่ที่รอดมาได้”
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะพี่”
“ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะครับ”

หลากหลายประโยคที่ให้กำลังใจผู้ป่วย ผู้ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นวิกฤติรุนแรงในชีวิต ไม่ว่าจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย แม้โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ แต่อาจโชคร้ายที่ต้องกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ และใช้ชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ลองจินตนาการดูว่า หากต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะรับมืออย่างไร เช่น การจัดสรรผู้ที่มาดูแลผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งประเด็นเหล่านี้หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัว

หลายท่านที่ทำประกันชีวิต จดจำได้แต่เพียงว่ามีทุนประกันชีวิตเท่าไหร่ แต่ไม่คุ้นกับสัญญาเพิ่มเติมประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ดังนั้น หากเปิดกรมธรรม์ แล้วพบสัญญาแนบท้ายกรมธรรม์นี้ อาจจะเป็นความหวังดีของตัวแทนขาย ที่แนบสัญญานี้เพิ่มเข้าไป เนื่องจากเบี้ยประกันไม่สูงมากนักหรือบางแบบประกัน แถมสัญญาเพิ่มเติมนี้ฟรีด้วย โดยสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ ที่แนบกับประกันชีวิต จะเป็นสัญญาปีต่อปี สามารถแจ้งยกเลิกสัญญาเพิ่มเติมในภายหลังได้

➡️ ทุพพลภาพ คืออะไร?

ทุพพลภาพ อ่านว่า “ทุบ-พน-ละ-พาบ” ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 หมายถึง หย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานได้ตามปกติ และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง คือ ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปรกติอย่างสิ้นเชิง

➡️ ประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือ TPD (Total Permanent Disability)

เป็นสัญญาประกันภัยเพิ่มเติม (Rider) ที่สามารถซื้อแนบกับสัญญาประกันชีวิต ซึ่งผู้เอาประกันจะซื้อเพิ่มเติม หรือไม่ก็ได้

โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันของสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ให้แก่ผู้เอาประกันภัย

แยกเป็น 2 กรณี คือ

✅ 1. กรณีผู้เอาประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง

อันเป็นผลมาจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย ซึ่งการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น ทำให้ผู้เอาประกันภัย ไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานในอาชีพใด ๆ ได้โดยสิ้นเชิง และการทุพพลภาพนั้นต้องเป็นต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 180 วัน นับตั้งแต่วันที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลทุพพลภาพ และการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติและทำให้ผู้เอาประกันภัย ไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานในอาชีพใด ๆ ได้โดยสิ้นเชิงตลอดไป

✅ 2. กรณีผู้เอาประกันภัยสูญเสียอวัยวะ

ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1. สูญเสียสายตาทั้งสองข้าง และไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้

2. สูญเสียมือ สองข้าง หรือ เท้าสองข้าง หรือ มือหนึ่งข้างและ เท้าหนึ่งข้าง โดยการตัดออกตั้งแต่ข้อมือหรือข้อเท้า

3. สูญเสียสายตา หนึ่งข้าง และไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ และสูญเสียมือหรือเท้า ข้างหนึ่ง โดยการตัดออกตั้งแต่ข้อมือหรือข้อเท้า (ที่มา บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต)

ตัวอย่าง

นายเอ ทำประกันชีวิตด้วยทุนประกัน 2 ล้านบาท และซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ด้วยทุนประกัน 2 ล้านบาท ต่อมานายเอ ประสบอุบัติเหตุ จนต้องสูญเสียมือทั้งสองข้างตั้งแต่ข้อมือ สามารถเคลมสินไหม ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ได้ 2 ล้านบาท

นายบี ทำประกันชีวิตด้วยทุนประกัน 1 ล้านบาท ซื้อประกันภัยโรคร้ายแรง 2 ล้านบาท ซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 1 ล้านบาท ต่อมานายบีตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่สมอง ระยะรุนแรง และได้ทำการผ่าตัดแล้ว แต่ผลจากการผ่าตัด ทำให้ต้องเป็น อัมพาต นอนติดเตียง เป็นระยะเวลาเกิน 180 วัน

กรณีของนายบี เคลมสินไหม โรคร้ายแรง ได้ 2 ล้านบาท และต่อมา เคลมสินไหมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ได้อีก 1 ล้านบาท สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรงและ สัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทั้งสองสัญญา เป็นอันยุติความคุ้มครอง ไม่ต้องชำระเบี้ยต่ออายุประกันอีกต่อไป เหลือเพียงเบี้ยประกันชีวิต ที่คนในครอบครัว ชำระเบี้ยต่ออายุประกันชีวิต หากนายบีเสียชีวิตในเวลาต่อมา สามารถเคลมสินไหมเสียชีวิต ได้ 1 ล้านบาท (หากซื้อสัญญาเพิ่มเติม ยกเว้นเบี้ยประกันชีวิต (WP: wave premium) ก็ไม่ต้องชำระเบี้ยประกันชีวิต)

จะเห็นได้ว่า กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ถ้าโชคดีที่ไม่เสียชีวิต แต่หากโชคร้าย ที่ต้องกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาบุคคลในครอบครัวช่วยเหลือดูแล หรือ บางครอบครัว ต้องจ้างบุคคลภายนอกมาดูแล มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่าย นี้ จะดำเนินต่อไปจนกว่า จะเสียชีวิตกันเลยทีเดียว หากมีโอกาสได้ตัดสินใจทำประกันชีวิต แล้ว แนะนำว่า ควรซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง แนบเข้าไปด้วย ซึ่งเบี้ยประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (TPD) นั้น ไม่ได้สูงมากนัก (ที่มา: บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต)

ดังตัวอย่างต่อไปนี้

📍 เพศชาย อายุ 25 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =960 บาทต่อปี

📍 เพศชาย อายุ 35 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท = 960 บาทต่อปี

📍 เพศชาย อายุ 45 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =1,280 บาทต่อปี

📍 เพศชาย อายุ 55 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =2,400 บาทต่อปี

📍 เพศหญิง อายุ 25 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =260 บาทต่อปี

📍 เพศหญิง อายุ 35 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท = 360 บาทต่อปี

📍 เพศหญิง อายุ 45 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =640 บาทต่อปี

📍 เพศหญิง อายุ 55 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =1,540 บาทต่อปี

สำหรับความคุ้มครองและ ข้อยกเว้นความคุ้มครอง ของแต่ละบริษัทประกันก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดก่อนทำประกัน กับนักวางแผนประกันชีวิตได้ ดังนั้น หากมีโอกาสวางแผนทำประกันชีวิต อย่าลืมเพิ่มสัญญาเพิ่มเติมประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (TPD) ด้วย

เขียนโดย: ธนภัทร จินดาหลวง ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™