เพื่อน ๆ ซื้อประกันสุขภาพกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? บางคนอาจซื้อไว้ตั้งแต่ 10-20 ปีที่แล้ว ผมอยากให้ลองหยิบกรมธรรม์มาพิจารณาดูว่า “เรามีวงเงินค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่?” และ “สามารถต่อสัญญาได้จนถึงอายุกี่ปี?”

เหตุผลที่ผมชวนตั้งคำถามแบบนี้ เพราะว่าประกันสุขภาพในอดีต มักจะมีข้อจำกัดเรื่องวงเงินค่ารักษา ที่อาจน้อยเกินจนสวนทางกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน จนบางครั้งก็ต้องควักเนื้อจ่ายเอง ทั้งยังไม่สามารถต่ออายุประกันได้ถึง 99 ปีอีกด้วย หลายคนคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องวางแผนสุขภาพนานขนาดนั้น เอาแค่ 70-80 ปีก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับว่ามันจำเป็นอย่างไร

ทำไมต้องวางแผนประกันสุขภาพตลอดชีวิต?

1. คนไทยจะมีอายุยืนขึ้น

ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) แล้วครับ กล่าวคือมีคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และคนไทยก็มีแนวโน้มอายุยืนขึ้นด้วย โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าในปี 2563 ผู้หญิงจะมีอายุเฉลี่ย 80.4 ปี ส่วนผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 73.2 ปี ซึ่งประเทศญี่ปุ่นที่เป็นต้นแบบสังคมผู้สูงอายุนั้น ก็มีการ “ขยายอายุเกษียณ” ด้วยครับ หากประเทศไทยใช้แนวคิดนี้อย่างเต็มขั้น ในอนาคตเราอาจเห็นพนักงานบริษัทอายุ 70 ปีก็เป็นได้ ดังนั้นการวางแผนชีวิตทั้งด้านการเงินและสุขภาพแบบเดิม ๆ ที่คำนวณถึงอายุ 60 ปีนั้น อาจไม่เพียงพออีกต่อไป

2. ค่ารักษาในโรงพยาบาลสูงขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น สัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า 5 โรคยอดฮิตที่พบมากที่สุด คือ ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง, ข้อเข่าเสื่อม และโรคหัวใจ ซึ่งมักเป็นภาวะเรื้อรัง ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง

ตัดภาพมาที่ค่ารักษาในโรงพยาบาล ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งของผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องแอดมิทรักษาตัว ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐที่มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบ ก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายราว 30,000-50,000 บาทต่อวัน แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ราคาห้องเดี่ยวมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาทต่อคืนเลยทีเดียว ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ๆ แต่การพักในห้องเดี่ยวก็มีความสำคัญ เพราะคนป่วยต้องการพักผ่อนมากกว่าปกติ ทั้งยังสะดวกต่อคนที่มาเฝ้าไข้ด้วยครับ

ทำความรู้จัก “มาตรฐานประกันสุขภาพใหม่”

จากประกันสุขภาพแบบเดิมที่อาจไม่ตอบโจทย์ในปัจจุบัน ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จึงสร้าง “มาตรฐานประกันสุขภาพใหม่” (New Health Standard) ที่ปรับปรุงเนื้อหาของประกันสุขภาพให้สอดคล้องกับยุคสมัย และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางการแพทย์ รวมถึงกำหนดเงื่อนไขของสัญญาให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรมกับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งเราก็เลือกได้ว่าจะถือประกันสุขภาพเล่มเดิม หรือจะไปซื้อแบบประกันใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 8 พ.ย. 2564

มาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ ตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุอย่างไร?

อย่างที่บอกไปครับว่า คปภ.ปรับปรุงเนื้อหากรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ทันสมัยขึ้นแล้ว จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็เช่น

  • ประกันสุขภาพเดิม : กำหนดนิยามคำว่า “ค่าห้อง” ของแต่ละแบบประกันไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการกำหนดเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

    ประกันสุขภาพใหม่ : กำหนดนิยามคำว่า “ค่าห้อง” ชัดเจนว่าหมายถึง ค่าห้อง, ค่าอาหาร และ ค่าบริการในโรงพยาบาล เหมือนกันทุกกรมธรรม์

  • ประกันสุขภาพเดิม : กำหนดค่ารักษามะเร็งชัดเจนเพียงแค่เคมีบำบัด (คีโม) และรังสีรักษา (ฉายแสง) เท่านั้น

    ประกันสุขภาพใหม่ : กำหนดค่ารักษามะเร็งที่ครอบคลุมทั้งรังสีรักษา, รังสีร่วมรักษา, เวชศาสตร์นิวเคลียร์รักษา, การฝังแร่รักษามะเร็ง และการรักษาแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง

  • ประกันสุขภาพเดิม : ในการต่อสัญญาจะมีเงื่อนไขระบุว่า “บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติม”

    ประกันสุขภาพใหม่ : ระบุชัดเจนว่าบริษัทจะไม่ต่อสัญญาไม่ได้ เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยจะทำผิดเงื่อนไขในการไม่แจ้งข้อเท็จจริง, เรียกร้องผลประโยชน์โดยไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์ หรือเรียกร้องค่าชดเชยจากการนอนโรงพยาบาล รวมกันทุกบริษัทเกินกว่ารายได้ที่แท้จริง

ดังนั้นมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ จึงตอบโจทย์การวางแผนสุขภาพในสังคมผู้สูงอายุ เพราะมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่ชัดเจน ครอบคลุมมากขึ้น และต่อสัญญาได้เสมอ (หากเราไม่ทำผิดเงื่อนไข) ซึ่งผมจะขอแนะนำให้รู้จักกับประกันสุขภาพแบบใหม่ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ “BLA Happy Health” จากกรุงเทพประกันชีวิต ลองไปทำความรู้จักกันเลยครับ

BLA Happy Health คืออะไร?

“บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์” (BLA Happy Health) คือสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ จาก บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life) ที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดจนถึงอายุ 99 ปี แบบเหมาจ่ายตามจริง ช่วยให้หมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลและส่วนเกินค่าห้อง พร้อมทางเลือก “ความรับผิดส่วนแรก” เพื่อช่วยลดเบี้ยประกัน และเพิ่มความคุ้มครองการเข้าพักรักษาตัวจาก 3 โรคร้าย “มะเร็ง-หัวใจ-หลอดเลือดสมอง” โดยสามารถเลือกแผนประกันให้เหมาะสมกับตัวเองได้ ตอบโจทย์ทุกเพศ ทุกวัย ในราคาสบายกระเป๋า

จุดเด่นของ BLA Happy Health

1. คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี

BLA Happy Health รับประกันตั้งแต่อายุ 11-80 ปี โดยให้ความคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปี

2. เหมาจ่ายค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการในโรงพยาบาล

จ่ายผลประโยชน์ตามจริง สูงสุดไม่เกินค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน (ห้องพักเดี่ยวระดับเริ่มต้น) ของโรงพยาบาลที่เข้ารักษา ซึ่งปกติแล้วเวลาที่เราแอดมิทในโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายที่มักจะเกินวงเงินจากประกันสุขภาพ ก็คือ “ค่าห้องผู้ป่วย” แต่ถ้าเป็นประกัน BLA Happy Health ก็หมดกังวลได้เลยครับ

3. เหมาจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยในตามจริง 

ประกันนี้จะให้ความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) ตามจริง สูงสุด 5 ล้านบาทต่อครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้งและผลประโยชน์สูงสุดต่อปี เพิ่มเติมผลประโยชน์กรณีผู้ป่วยในอีก 10% จากการเข้ารักษาด้วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

4. รับเงินชดเชยรายวัน สูงสุดวันละ 2,000 บาท

เลือกรับผลประโยชน์เป็นเงินชดเชยรายวันได้ สูงสุดวันละ 2,000 บาท

กรณีเข้ารักษาแบบผู้ป่วยใน แต่ไม่เบิกเคลม (เฉพาะแบบประกันที่ไม่มีความรับผิดส่วนแรก)

5. ผลประโยชน์ผู้ป่วยนอก 

รับผลประโยชน์สูงสุด 100,000 บาทต่อปีกรมธรรม์ เมื่อมีการล้างไต เคมีบำบัด และรังสีรักษา

6. เบี้ยประกันภัยลดลง เมื่อเลือกความรับผิดส่วนแรก

ความรับผิดส่วนแรก เริ่มต้นที่ 30,000 บาทต่อครั้งที่เข้ารักษา ยิ่งเลือกความรับผิดส่วนแรกมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันสุขภาพก็ยิ่งลดลง

BLA Happy Health เหมาะกับใคร?

1. คนที่ต้องการความคุ้มครอง “ตลอดชีวิต”

2. คนที่ต้องการวางแผนประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุมค่ารักษา “ทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

3. คนที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน “แบบเหมาจ่ายตามจริง”

4. คนที่ต้องการเบี้ยประกันที่ลดลงเมื่อเลือกแผนที่มี “ความรับผิดส่วนแรก” เพราะมีสวัสดิการหรือประกันสุขภาพอยู่แล้ว

เลือกแบบประกันได้ตามไลฟ์สไตล์

คนที่ไม่มีสวัสดิการ หรือไม่มีประกันสุขภาพ

สามารถเลือกประกันสุขภาพ BLA Happy Health แบบไม่มีความรับผิดส่วนแรก เพื่อสร้างสวัสดิการให้ตัวเอง เพิ่มความอุ่นใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล

ผู้ที่มีสวัสดิการด้านสุขภาพจากองค์กร หรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่กังวลว่าวงเงินจะไม่พอ

สามารถเลือกประกันสุขภาพ BLA Happy Health แบบมีความรับผิดส่วนแรก เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม และได้ส่วนลดในการจ่ายเบี้ยประกันด้วย

“ประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่” คือการวางแผนชีวิตในระยะยาว ที่จำเป็นต่ออนาคตสังคมผู้สูงอายุ  ซึ่ง “BLA Happy Health” คือสิ่งที่ตอบโจทย์ ด้วยแผนประกันที่ยืดหยุ่น สามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ เพราะกรุงเทพประกันชีวิตเข้าใจดีว่า “การป่วยเป็นโรคเดียวกัน แต่ค่ารักษาของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน”

ใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bangkoklife.com/th/products/detail/227 หรือโทร.0-2777-8888

บทความนี้เป็น Advertorial