สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับ กับผมหมอนัท ประจำคลินิกกองทุนแห่งนี้เองครับ ยังอยู่เหมือนเดิมไม่ได้หายไปไหน ยังคงมีเรื่องราวดี ๆ มาเล่าให้กับนักลงทุนได้ฟังกันอยู่เสมอ ๆ เลยครับ
ในช่วงเวลาหลังจากวิกฤตโควิค-19 แบบนี้ เป็นช่วงที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากวัคซีนของผู้ผลิตหลาย ๆ เจ้า ได้ฉีดให้กับแต่ละประเทศ และจำนวนผู้ติดเชื้อเองก็ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เริ่มมีความคึกคักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น ธุรกิจที่เดิม ๆ เคยแย่ก็เริ่มที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มากขึ้น
แต่ในทางกลับกันกับสถานการณ์แบบนี้ ในเรื่องตลาดการลงทุนของสินทรัพย์ต่าง ๆ กลับมีความผันผวนขึ้นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายสินทรัพย์การลงทุนจากเดิมที่เคยกระจุกตัวอยู่กับสินทรัพย์ในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพ และ กลุ่มขายของออนไลน์ หรือ E-Commerce มาเป็นกลุ่มบริการ หรือ กลุ่มท่องเที่ยวที่ในปีที่แล้วมีผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงครับ
นอกจากนี้แนวโน้มเงินเฟ้อ ที่เกิดจากการเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เริ่มสูงมากขึ้นอย่างมาก ถ้าหากรัฐบาลแต่ละประเทศสามารถควบคุมได้ ก็มีโอกาสที่จะได้เห็นเศรฐกิจ และ ตลาดการลงทุนปรับตัวได้ดียิ่งขึ้นครับ แต่ถ้าหากควบคุมไม่ได้ก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้เช่นกันครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกเองก็ไม่กล้าจะทำอะไร บางคนก็ขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อรอดูท่าทีของเศรษฐกิจ และ เงินเฟ้อ แต่นักลงทุนเองก็อย่าลืมนะครับว่า เงินสดที่เราถืออยู่นั้นก็มีต้นทุนด้วยเช่นกันครับ ถ้าหากไม่ทำอะไรก็อาจจะค่อย ๆ ด้อยค่าลงไป ยิ่งเป็นช่วงที่เงินเฟ้อเริ่มสูงด้วยแบบนี้ ซึ่งในช่วงเวลาแบบนี้ก็มีหลาย ๆ สินทรัพย์ที่น่าลงทุนอยู่เช่นกันครับ
แล้วสินทรัพย์อะไรที่น่าสนใจในช่วงเวลาแบบนี้กัน?
อยากรู้แล้วใช่ไหมครับ ตามมาเลยครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
ในช่วเวลาแบบนี้ ในตอนที่อัตราดอกเบี้ย หรือเงินเฟ้อ และ สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนแบบนี้ สินทรัพย์ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น
แต่ทั้งนี้เงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นนี้จะมีระยะสั้น หรือ ระยะยาวก็คงต้องติดตามกัน ดังนั้นการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ก็อาจจะต้องจับตา และ เน้นการลงทุนแบบจังหวะมากกว่าครับ
ในส่วนของกลุ่มกองทุนอสังหา ฯ และโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนผสม ผมถือว่ามีความน่าสนใจมากกว่าในการลงทุนระยะยาว ๆ เนื่องจากอสังหาฯ และโครงสร้างพื้นฐานนั้น มีความสามารถในการต่อสู้กับเงินเฟ้อในระยะยาวได้ค่อนข้างดี (ปรับค่าเช่าขึ้นตามเงินเฟ้อได้) ทั้งนี้เสน่ห์ของกองทุนเหล่านี้คือ ตราบใดที่ผู้เช่ายังอยู่ หรือ ใช้บริการอยู่ตราบนั้นเราจะยังมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ นั่นเองครับ
แต่ธีมที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ ธีมการลงทุนแบบ ESG หรือ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงก็คือ
พวกกลุ่ม Green Energy และเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเติบโตอย่างเต็มที่ เพราะว่านโยบายของรัฐบาลทั่วโลก กำลังดำเนินการเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังเลยทีเดียวครับ
แต่ ESG นั้นไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เรื่อง สิ่งแวดล้อมเท่านั้นแต่ประกอบด้วยหลายส่วนมากมาย ซึ่ง UN มีการกำหนดเป้าหมายด้านต่างๆภายใต้เป้าหมายในด้านต่างๆ เรียกว่า Sustainable Development Goals (SDGs) ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง การขจัดความยากจน การศึกษาที่เท่าเทียมกัน ความเท่าเทียมกันทางเพศ สุขาภิบาล และ เรื่องอื่น ๆ อีก ถึง 17 เรื่องเลยทีเดียวครับ โดยการกำหนดเป้าหมายการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย SDG ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่า การลงทุนของเราสามารถสร้างผลบวกให้แก่เป้าหมาย SDG ด้านใดบ้าง หรือพูดง่ายๆ คือการลงทุนของเราสามารถสร้าง Impact ด้านใดให้กับโลกบ้าง
พูดง่าย ๆ ครับ อะไรที่จะทำให้โลกนี้ หรือประเทศต่าง ๆ พัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องปฏิบัติตามเรื่องเหล่านี้นั่นเองครับ
ในส่วนของกรอบใหญ่แง่มุมในการลงทุนก็คือ หาบริษัทที่มี ESG หรือมองหาบริษัทที่มีการจัดการที่ดีใน 3 เรื่องนี้ คือ
1. มี Environmental ที่ดี
เป็นบริษัทที่มีการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เช่น เป็นบริษัทที่สามารถลดมลพิษในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ได้ ใช้พลังานอย่างคุ้มค่า ฯลฯ
2. มี Social ที่ดี
ซึ่งไม่ได้หมายถึงการทำความดีเฉพาะกับพนักงานของบริษัทเอง หรือการทำ CSR เพียงอย่างเดียว แต่เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยกตัวอย่างเช่น เป็นบริษัทที่มีการจ้างงานทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ ผู้สูงอายุตามสัดส่วน ไม่กีดกันคนด้วยความอาวุโส หรือเพศสภาพแต่ดูที่ความสามารถ และให้พนักงานได้ช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส มีการจูงใจให้พนักงานทำความดีต่อสังคม หรือให้คนในสังคมรอบ ๆ โรงงานต่าง ๆ มาช่วยงานในโรงงานนั้น และ ให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สังคม และการทำงานของพนักงานดีขึ้น
3. มี Governance
คือ เป็นบริษัทที่มีการจัดการที่ดี และ มีธรรมาภิบาล เช่น มีการจัดโครงสร้างของบริษัทที่ดีเพื่อลดการขัดผลประโยชน์ หรือ Conflict of interest ของผู้บริหาร มีคนคอยตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารอย่างถูกต้อง มีกระบวนการตรวจขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ เพื่อลดการคอร์รัปชันของบริษัทลง ฯลฯ
ซึ่งถ้าหากบริษัทไหนที่เข้าเกณฑ์ใน 3 ข้อนี้ แล้วละก็บริษัทนั้นจะมีโอกาสมีความยั่งยืนในด้านธุรกิจ ด้านการเงินของบริษัท และเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโต รวมไปถึงได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจนั้น ๆ มีความยั่งยืนนั่นเองครับ (Sustainability)
พูดง่าย ๆ ครับ การลงทุนกับบริษัทที่มี ESG นั้น จะทำให้โอกาสที่บริษัทจะถูกฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายแพงก็น้อยลงไป แน่นอนว่าความเสี่ยงด้านอื่น ๆ ก็น้อยลงไปด้วยครับ ทำให้ความเสี่ยงขาลง หรือ Downside risk นั้นน้อยลงไป ไม่ว่าเราจะลงทุนกับ หุ้น หรือว่าตราสารหนี้ก็ตามครับ
ส่วนเรื่องของผลตอบแทนก็ไม่ได้แย่เลยนะครับ หลาย ๆ สำนักก็ออกมาชี้แจงว่า การลงทุนภายใต้กรอบ ESG และกรอบ SDG เหล่านี้ ก็สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกัน เช่น MorningStar เองก็ออกมาบอกว่ากองทุนที่ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเล่านี้มักจะทำให้กองทุนมีโอกาสได้ Rating 5 ดาวจาก MorningStar เพิ่มมากขึ้นไปได้วยครับ
ภาพการลงทุนใน High Yield Bond ที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากลงทุนในบริษัทที่มี SDGs ก็จะทำให้ความเสี่ยงลดลง และมีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน มีนักลงทุนสถาบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนภายใต้กรอบ ESG และ SDG เพิ่มขึ้นมากดังนั้นการลงทุนผ่านสินทรัพย์ SDGs เหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น รวมไปถึงตราสารหนี้เองก็มีความน่าสนใจอย่างมากครับ
แต่เนื่องจากกองทุนหุ้นที่ลงทุนภายใต้ตีม ESG มีมากมายอยู่พอสมควรแล้ว ผมจึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนกับบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่เน้นลงทุนตามเป้าหมาย SDGs กองทุนแรกในประเทศไทยกันบ้างครับ
กองทุนตราสารหนี้ที่เป็นพระเอกในครั้งนี้ก็คือ
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ หรือชื่อย่อ USI จาก บลจ. UOBAM นั่นเองครับ กองทุนความเสี่ยงระดับ 5 ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ RobecoSAM SDG Credit Income IH USD (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว
ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย Robeco Institutional Asset Management B.V. ที่มีทีมงานที่มีประสบการณ์การลงทุนทั่วโลก โดยที่ทีมงานมีประสบการณ์ในการลงทุนผ่านตราสารหนี้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10-15 ปี บางท่านก็มีประสบการณ์มากกว่า 35 ปีเลยทีเดียวครับ
โดยกองทุนหลักนี้จะลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสินทรัพย์ทั้งหมด โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในอุตสาหกรรม ซึ่งมีอายุของตราสารแตกต่างกัน ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ และ/หรือภาคเอกชน โดยจะพิจารณาลงทุนในบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ที่มีส่วนร่วมในหลักการ UN Sustainable Development Goals (SDGs) (เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จัดทำขึ้นโดยองค์กรสหประชาชาติ) นั่นเองครับ
ซึ่งผมต้องบอกว่ากองทุนหลักนี้เป็นกองทุนที่ค่อนข้างจะ Active พอสมควรเลยครับ คือมีการปรับพอร์ตอยู่เรื่อย ๆ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก และ ตามตลาดตราสารหนี้มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาครับ
Remark : ตัวอย่างเหล่านี้แสดงเพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้มุ่งหวังให้ถือเป็นการให้คำแนะนำในการลงทุนไม่ว่ากรณีใดๆ มูลค่าการลงทุนของท่านอาจมีความผันผวน ผลตอบแทนที่ได้รับในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคต
แน่นอนครับ การที่กองทุน Active แบบนี้สินทรัพย์ที่ลงทุนก็ค่อนข้างจะหลากหลาย มีทั้งตราสารหนี้ที่เป็น Investment Grade และ High Yield Bond รวมอยู่ด้วยครับ เพื่อให้มีการสับเปลี่ยนตราสารหนี้ได้ตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ หรือ ตามลักษณะของอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้น ๆ ลง ๆ นั่นเองครับ
นอกจากนี้การลงทุนยังเน้นสไตล์แบบ Bottom-up research for credit selection พูดง่าย ๆ ว่ามีทีมงาน Credit analyst ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทำการวิเคราะห์ผู้ออกตราสารหนี้ในเชิงลึก ดูฐานะทางการเงิน ทิศทางการดำเนินธุรกิจ รวมถึงนำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณาเชิงลึกรายบริษัทอีกครั้ง เพื่อให้ได้ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพตามหลักการ SDGs
จะเห็นว่ากระบวนการคัดกรองตราสารหนี้ของกองทุนนี้มีความเข้มข้น โดยพิจารณาความเสี่ยงด้านเครดิต และ พิจารณาปัจจัยด้าน ESG ที่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน
โดย Rating ของตราสารหนี้ในกองทุนนี้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ BAA2/BAA3 ครับ แต่ในส่วนของผลตอบแทนนั้น กองทุนนี้ถือว่าทำได้ใกล้เคียงตราสารหนี้ High Yield ในขณะที่ระดับความเสี่ยงรวมในระดับ Investment Grade เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าความเสี่ยงไม่สูงอย่างที่คิดเลย
โดยที่กองทุนนี้มี อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้อยู่ที่ประมาณ 3.3 ปี จึงมีความผันผวนไม่สูงนัก และจากที่เห็นตัว Downside risk ของกองทุน ก็จะเห็นได้ว่าไม่มากเท่ากับลงทุนใน High Yield แบบนี้ ก็จะทำให้เราถือกองทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น และ ถ้าเราถือได้ยาวขึ้นตามไปด้วย
เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนกับบริษัทที่ยั่งยืน ซึ่งผมก็เชื่อว่าการลงทุนแบบนี้ไม่เพียงแต่สงเสริมบริษัทที่ทำความดีให้โลกนี้เติบโตแบบยั่งยืนแล้ว ยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีแบบยั่งยืนไปด้วย และก็ไม่หวือหวาไปตามตลาดมากนัก
ดังนั้นกองทุนนี้จึงเหมาะกับการถือยาว ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ 2-3 ปีขึ้นไป ก็จะทำให้เรามีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี และ เป็นการกระจายความเสี่ยงไปด้วย เพราะว่าการลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหรกรรมต่าง ๆ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ก็มีความผันผวนพอสมควรในช่วงเวลาแบบนี้
โดยสรุปคือ ส่วนสำคัญเพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเราเติบโตได้ในระยะยาวก็ควรที่จะมีการะจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ใช่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป และไม่ควรที่จะสลับสับเปลี่ยนไปมามากนัก เพราะว่าจะทำให้เรามีโอกาสผิดพลาดได้มากไปด้วยครับ การลงทุนในระยะยาวเราจึงต้องเน้นลงทุนแบบกระจายไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับความเสี่ยงของเราเองครับ ซึ่งถ้านักลงทุนมองหากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนที่ดี ภายใต้ธีม ESG ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมลงได้ ผมคิดว่ากองทุน USI นี้ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวครับ
ถ้าสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ยูโอบี 02 786 2222 หรือเข้าไปดูข้อมูลกองทุนได้ที่ https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00717/USI
และ สำหรับวันนี้ ผมคงต้องลาไปก่อน แล้วครั้งหน้าจะหยิบกองทุนดี ๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ
ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนรวมนี้กระจุกตัวในประเทศสหรัฐฯ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
บทความนี้เป็น Advertorial