สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้นครับ ภาพรวมของตลาดหุ้นดูเหมือนจะฟื้นตัวเช่นกัน แต่จะไปต่อได้แค่ไหน อะไรที่เราต้องพิจารณา

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 3 - 7 ธันวาคม 2561

ซื้อได้ ไทย ญี่ปุ่น ตลาดอื่นทยอยสะสมได้เรื่อยๆ

เหตุผล : ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยงระยะกลางอยู่ครับ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯอยู่ใกล้เคียงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะยาว ทำให้ความกังวลจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาผ่อนคลายลงตอนนี้ภาพรวมของทุกตลาดสะสมได้หมด เพียงแต่อาจจะใช้วิธิการทยอยสะสมเรื่อยๆแทนการซื้อหนักๆ ในทีเดียวครับ

Focus : ทุกตลาด เน้นไทยและญี่ปุ่น

ความน่าสนใจ : ตอนนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวในระยะสั้น ดังนั้นมีโอกาสสะสมเพิ่มได้ครับ

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวครับ หลังจากนาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อยู่ใกล้เคียงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะยาว ทำให้ความกังวลจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาผ่อนคลายลง และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องยังคงกดดันหุ้นในกลุ่มน้ำมันอยู่

นอกจากนั้นในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของ OPEC ซึ่งตลาดคาดว่า OPEC จะมีการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 1-1.4 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงราคาน้ำมัน

สถานการณ์ตอนนี้ผมมองว่าตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงระยะกลางจากนโยบายทางการค้า ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงที่ยังตกลงกันไม่ได้อยู่ ซึ่งนักลงทุนควรสะสมหุ้นด้วยความระมัดระวังครับ

ภาพรวมการลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ผมมองว่าตอนนี้ยังสะสมต่อได้ครับ สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน รวมถึงท่าทีของประธานเฟดที่อ่อนลงช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯให้ไปต่อได้ครับผม

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

ยังเหมือนเดิมอีกเช่นเคยครับ ตอนนี้ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นยุโรปต่อไปครับ ในขณะที่ตอนนี้ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ประเด็น Brexit ยังคงสร้างความผันผวนได้อยู่ครับ ดังนั้นทยอยสะสมกันต่อไป แต่ยังไงก็คอยดูสถานการณ์ด้วยนะครับผม

สรุปสั้นๆ : ยังทยอยสะสมต่อได้ครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ลุยได้เลยครับสำหรับตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากช่วงไตรมาสนี้บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นจะมีการซื้อหุ้นคืนสูงขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนราคาหุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นได้ครับ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะในการสะสมสำหรับคนที่ชอบตลาดญี่ปุ่นครับ

อีกประเด็นคือ การที่ นายชินโซะ อาเบะ จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือ LDP ต่อ ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องมากขึ้นนั้น ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่ดีอยู่เช่นกันครับ (เป็นปัจจัยเดิมที่มีมาสักระยะ แต่คิดว่ายังมีผลต่อตลาดหุ้นในตอนนี้ครับ)

สรุปสั้นๆ : ซื้อได้ครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมเท่าไรครับ ใครสนใจผมมองว่ายังสะสมได้ต่อครับสำหรับตลาดเกาหลี จากเหตุผลเดิมที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ของประเทศจีนและสหรัฐฯ มีการชะลอตัวและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (เป็นปัจจัยเดิม) และความเสี่ยงของการผันผวนแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทำให้เกาหลียังน่าสนใจอยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้เรื่อยๆ ครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

สำหรับสัปดาห์นีกลับมาสะสมหุ้นอินเดียกันครับหลังจากชะลอกันอยู่พักใหญ่หลังจากค่าเงินรูปีเริ่มกลับมาแข็งค่าจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมา และคะแนนความนิยมของนายกรัฐมนตรีโมดีลดลง ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอินเดียยังคงขยายตัวได้ดี

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมได้แล้วครับ

ตลาดหุ้นไทย

ใครที่คิดถึงหุ้นไทย ได้เวลากลับมาซื้อแล้วครับ ผมมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจก็ดีไหนจะเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF RMF ช่วงปลายปี และการเลือกตั้งที่จะมีในต้นปีหน้า และตอนนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาตามราคาน้ำมันโลก จึงทำให้เป็นโอกาสในการสะสมเรื่อยๆ ครับผม

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อได้ จากปัจจัยดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ

ตลาดหุ้นจีน

สัปดาห์นี้ยังเหมือนเดิมครับแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นทั้ง A-SHARE และ H-SHARE แล้วครับ ตอนนี้ก็ยังคงน่าสะสมเพราะตลาดหุ้นจีน A-SHARE ปรับตัวลงมา 30% จากจุดสูงสุดในปีนี้ครับ ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ลดภาษีสินค้าการนำเข้า ลดภาษีนิติบุคคล และปัญหากับทางสหรัฐฯ เรื่องกำแพงการค้าที่ลดลงครับ

ส่วน H-SHARE นั้นสะสมได้เรื่อยๆ ครับผม ยังไม่มีประเด็นอะไรมากระทบมากเท่าไรครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมได้ทั้งสองตลาดครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย หุ้นญี่ปุ่น ทยอยสะสมได้ทุกตลาด

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่า InvestmentGrade ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 16%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 42%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 25%
  • หุ้นไทย 34%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 18%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 41%
  • หุ้นไทย 46%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง