[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 27 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2559
สวัสดีครับ กลับมาแล้วอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 3 กับ WEEKLY OUTLOOK กับผมนาย “อัศวินกองทุน” คนหน้าตาดี มีข้อมูลการลงทุนมาฝาก สำหรับบทความวันนี้ ผมจะมาสรุปสถานการณ์การลงทุนทั่วโลก รวมถึงแนวโน้มที่น่าสนใจต่างๆ มาให้ท่านผู้อ่านได้อัพเดทกันอย่างทันเหตุการณ์อีกแล้วครับผม!
สำหรับช่วงวันที่ 27 มิถุนายน – 1 กรกฏาคม 2559 นั้นมีผลกระทบมากมายต่อเศรษฐกิจและสถานการณ์การลงทุนทั่วโลก หลังจากที่เกิด “Brexit” หรือการที่ สหราชอาณาจักรมีมติออกจากสหภาพยุโรป เรามาดูกันครับว่า สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ มีอะไรที่เราทุกคนต้องเตรียมตัวและระวังในการลงทุนกันบ้างครับ
สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์ :เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงชะลอตัวหลังจาก สหราชอาณาจักรมีมติออกจากสหภาพยุโรป
ตลาดหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสเกิดความผันผวนสูงจากผลของ Brexit และคาดว่าระดับราคาที่สูงกว่ามูลค่าพื้นฐานส่งผลให้มีโอกาสถูกขายทำกำไรในไม่ช้า แบบนี้เห็นทีไม่ดีแน่ครับ ผมขอบอกตรงๆ เลยว่า “ลดการลงทุน” แบบด่วนๆ กันเลยครับผม
ตลาดหุ้นยุโรป
มีความผันผวนเพิ่มขึ้นหลังจากผล Brexit และคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปมีโอกาสถูกปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในจังหวะอย่างนี้อย่าเพิ่งใจร้อนครับ ปรับลดการลงทุนก่อน แล้วรอดูสถานการณ์ไปอีกสักระยะ คงจะมีอะไรให้ติดตามกันต่อไปครับผม
ตลาดหุ้นจีน
แน่นอนครับว่า ตลาดหุ้น H-SHARE ที่มีการลงทุนของเงินทุนต่างชาติ จะมีความเสี่ยงมากขึ้นหลังผล Brexit ออกมา ในขณะที่ตลาดหุ้น A-SHARE นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยภายในประเทศเป็นหลักและมีราคาต่อมูลค่าพื้นฐานที่น่าสนใจ ก็แปลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบต่อประเด็นนี้มากนัก
ดังนั้นผมคิดว่าในกรณีของ H-SHARE แนะนำให้คงการลงทุนไว้ แต่ A-SHARE นั้นอาจจะเป็นจังหวะดีที่จะจัดการลงทุนเพิ่มเข้าไปในช่วงนี้ครับ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ผลกระทบของ Brexit ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น จากความต้องการเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จึงมีความเป็นไปได้มากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีความจำเป็นต้องเข้าแทรกแซง และแน่นอนครับว่านี่คือโอกาสที่เราจะเพิ่มการลงทุนในตลาดญี่ปุ่นช่วงนี้ครับ
ตลาดหุ้นเกาหลี
ผมมองว่า ตลาดหุ้นเกาหลีมีความเสี่ยงมากขึ้นครับ หลังจากการออกจาก EU ของสหราชอาณาจักร อาจส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจเกาหลีที่มีการพึ่งพาการส่งออกสูง ดังนั้นรอดูท่าทีด้วยการคงการลงทุนไว้ก่อนน่าจะดีกว่าครับผม
ตลาดหุ้นไทย
ต้องยอมรับว่าการเกิด Brexit นั้นมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และส่งผลให้มีโอกาสเกิดแรงขายในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากราคาต่อมูลค่าพื้นฐานยังสูง ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ผมว่าลองปรับลดการลงทุนลงหน่อยจะดีกว่าครับ
ตลาดหุ้นอินเดีย
ผมคาดว่า ตลาดหุ้นอินเดียจะได้รับผลกระทบจาก Brexit จากการที่อินเดียมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักรรวมกว่าร้อยละ 20 ของการส่งออก ซึ่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นแบบนี้ ย่อมมีผลกระทบต่อการลงทุนของเราครับ ดังนั้นลดน้ำหนักการลงทุนสักนิดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าครับ
เงินสดและตราสารหนี้ระยะสั้น
โดยรวมแล้วสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ค่อนข้างมีความผันผวนสูง ในช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากแนะนำให้ลองเพิ่มการถือครองเงินสดและการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อรอจังหวะในการลงทุนที่เหมาะสมครับ
น้ำมัน
ผลการเกิด Brexit เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน โดยอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากอิหร่าน และอุปสงค์ที่มีความเสี่ยงชะลอตัว จะกดดันราคาน้ำมันในระยะต่อไป นั่นแปลว่าในระยะสั้นช่วงนี้ การลดการลงทุนลงไปคงจะเป็นอะไรดีที่ดีกว่าครับ
ทองคำ
เมื่อเกิดความไม่แน่นอนจาก Brexit และความผันผวนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มในการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แบบนี้ผมคิดว่าถ้าหากไม่ติดอะไร การเพิ่มการลงทุนในทองคำก็เป็นอะไรที่น่าสนใจหมือนกันนะครับ
ตราสารหนี้ไทย
ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปี ไม่เปลี่ยนแปลงโดยในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงภาวะชะลอตัว นักลงทุนควรถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ดังนั้นช่วงนี้คงการลงทุนในตราสารหนี้ไทยไว้ก็ยังเป็นอะไรที่ผมยังคงแนะนำเหมือนเช่นเคยครับ
จบกันไปอีกแล้วครับผม สำหรับการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์ที่ 3 นี้ ผม “อัศวินกองทุน” หวังไว้ลึกๆครับว่าแนวทางต่างๆ ที่ผมแนะนำและพูดคุยให้ฟังกัน จะสามารถช่วยให้นักลงทุนทุกท่านตัดสินใจในการลงทุนสินทรัพย์ประเภทต่างๆตามความต้องการได้อย่างเหมาะสมนะครับ และถ้าจะให้ดี อย่าลืมเช็คเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ในการลงทุนของท่านให้แน่นอนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทครับ
สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าผลการออกจากการเป็นสหภาพยุโรป (Brexit) มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจริงแล้วก็ตาม (เพราะต้องรอการโหวตในสภา และกว่าจะเกิดขึ้นจริงๆก็คงจะเป็นอีก 2-3ปี ข้างหน้า) ผมขอให้คำแนะนำสั้นๆอีกครั้งก่อนจากกันครับว่า อย่าลืมมองภาพรวมของเศรษฐกิจโลกให้ชัดเจน เพราะทุกๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกของเราหลังจากนี้ ย่อมจะมีผลต่อการลงทุนของเราไม่มากก็น้อยครับ
หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2559 ทั้งนี้ เอกสาร นี้จัดทําโดย บลจ.ไทยพาณิชย์ เพื่อเป็นข้อมูลสําหรั