[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 22-26 สิงหาคม 2559

สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม “อัศวินกองทุน” กันอีกครั้ง นี่ก็เข้าสู่สัปดาห์ที่ 11 กับ Weekly Outlook คอลัมน์ที่สรุปภาพรวมการลงทุนเป็นประจำทุกสัปดาห์อย่างเช่นเคย สำหรับสัปดาห์นี้ในช่วงวันที่  22-26 สิงหาคม 2559 นั้นเรามาดูกันครับว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์การเงินต่างๆนั้น มีอะไรที่น่าสนใจบ้างครับผม

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์ :
“ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่มีท่าทีรีบขึ้นดอกเบี้ย เป็นปัจจัยสนับสนุนเม็ดเงินเข้าตลาดเกิดใหม่”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังการประชุม Fed เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีสัญญานว่าอาจจะไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงอาจสร้างความกังวลต่อเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่ครับ

ตัวเลขการผลิตและการบริโภคเดือน ก.ค. ที่อ่อนแออาจเป็นสัญญาณลบต่อกำไรของบริษัทในไตรมาส 3 และราคาพื้นฐานของหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างแพง อีกทั้งมีความเสี่ยงขาลงที่มากกว่า จึงแนะนำให้คงการลงทุนไว้ก่อนครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลดลง เพราะยังมีความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจอยู่เหมือนเช่นเคย ในขณะเดียวกัน ทางธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเกิด Brexit ซึ่งทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ได้รับผลกระทบเข้าสู่สภาวะชะลอตัวรุนแรง มองดูสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมยังอยากแนะนำให้คงการลงทุนไว้ก่อนครับ

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE)

ส่วนทางฝั่งตลาดหุ้นจีนนั้น ปรับขึ้นทั้ง 2 ตลาดเลยครับ จากการที่รัฐบาลจีนอนุมัติการเชื่อมต่อกันระหว่างตลาดเซินเจิ้นและฮ่องกง ทำให้มีผลต่อสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น และปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเริ่มดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนั้น หนี้เสียของภาคธนาคารยังทรงตัวเท่ากับไตรมาสแรกที่ร้อยละ 1.75 ดูภาพรวมแล้วมองว่าสัญญานดีแบบนี้ ผมแนะนำให้เพิ่มการลงทุนไปพร้อมๆกันทั้งคู่เลยสิคร้าบ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลงหลังจากค่าเงินเยนแข็งค่า รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ Boj จะมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม หลังจากตัวเลข GDP ในไตรมาสสองขยายตัวน้อยกว่าคาด ความเห็นของผมนั้น ยังมองว่ามูลค่าพื้นฐานของตลาดญี่ปุ่นยังคงน่าสนใจอยู่ครับ และแบบนี้ถือเป็นโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเหมือนเดิมครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

หันมามองทางฝั่งตลาดหุ้นเกาหลีกันบ้างครับ จะเห็นว่าตลาดปรับตัวขึ้น หลังจากมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในตลาด เมื่อสหรัฐฯไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยทางฝั่งนักวิเคราะห์เองก็มีการคาดว่าผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีจะเติบโตได้ดี และรัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายนอกงบเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก แบบนี้หนทางสดใสกำลังมาใช่ไหมเนี่ย ผมอยากแนะนำให้ลงทุนเพิ่มกันต่อไปครับผม

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังมีการขายทำกำไรจากนักลงทุนบางกลุ่ม โดยภาพรวมพื้นฐานหุ้นไทยยังดีอยู่ครับ ทั้งการบริโภค การลงทุนภาครัฐ และการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ และเป็นโอกาสในการลงทุนเพิ่มครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามตลาดภูมิภาคครับ การบริโภคภายในยังเป็นปัจจัยแข็งแกร่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ยอดขายรถยนต์เดือน ก.ค. ขยายตัวกว่าร้อยละ 10 การขยายตัวของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเติบโตกว่าร้อยละ 2.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แบบนี้ต้องจัดการลงทุนเพิ่มต่อไปสิคร้าบบบ

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

สำหรับเงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ผมมองว่าความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง แบบนี้นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และมองหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นครับ

น้ำมัน

ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข่าวการคงกำลังการผลิตของประเทศในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน และยังคงมีผลบวกต่อเนื่องต่อระดับราคา รวมถึง IEA ที่คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะมากกว่าปริมาณน้ำมันถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 3  แบบนี้เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่เราจะเพิ่มการลงทุนเหมือนกันครับ

ทองคำ

ราคาทองคำปรับขึ้นเล็กน้อยจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่ค่าเงินดอลลาร์ยังขึ้นกับการดำเนินนโยบายทางการเงินของ Fed จับตาการแถลงของประธาน Fed ในสัปดาห์หน้า แบบนี้ผมเห็นว่าควรคงการลงทุนไปก่อนครับ

ตราสารหนี้ไทย

ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีปรับตัวลงหลัง GDP ไทยไตรมาสที่2 ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนลดการลงทุนและเข้าซื้อหุ้นแทน  แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอาจชะลอตัวลงได้ แบบนี้การลงทุนในพันธบัตรก็ยังน่าสนใจในแง่ของการกระจายความเสี่ยง จึงแนะนำให้คงการลงทุนต่อไปครับ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ถ้ามองให้ดีว่าผลจากที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่มีท่าทีรีบขึ้นดอกเบี้ย นั้น กลายเป็นโอกาสที่เงินทุนจะไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะทางฝั่งเอเชียที่ยังคงน่าสนใจเหมือนเช่นเคยครับ แต่ยังไงก็ตามอย่าลืมกระจายความเสี่ยงในการลงทุนตามความเหมาะสมของเราด้วยนะครับ

สุดท้ายนี้ ผมยังคงย้ำเหมือนเช่นเคยครับว่า ไม่ว่าแนวโน้มในการลงทุนจะเป็นอย่างไรก็ตาม นักลงทุนอย่างเราก็ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาข้อมูลการลงทุนให้ดี มองหาช่องทางกระจายความเสี่ยงให้ถูกต้องต่อไปครับ และผมหวังว่าบทความในสัปดาห์นี้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ทุกคนสา