[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 24-28 ตุลาคม 2559

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Weekly Outlook กันอย่างเช่นเคยครับผม ยังอยู่กับผมนาย “อัศวินกองทุน” เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือบทความในสัปดาห์ที่ 19  นี้คร้าบบบบบบบ

ห่างหายกันไปสักพัก ผมมีข่าวที่น่าสนใจมาบอกครับว่า ช่วงนี้ทิศทางการลงทุนนั้น มีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าประเทศที่ พัฒนาแล้ว ประกอบกับสภาพคล่องในตลาดโลกขณะนี้มีสูง จึงมีโอกาสที่เม็ดเงินจำนวนมากจะไหลเข้ามาเพื่อหาผลตอบแทนจากการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนี้เพิ่มขึ้นครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าภาพรวมในภูมิภาคนี้ยังมีความผันผวนสูง นั่นแปลว่าการลงทุนในช่วงนี้จึงควรเน้นลงทุนแบบผสมหลายสินทรัพย์ ที่สร้างรายได้ระหว่างทางจากการลงทุน และปรับการลงทุนตามสภาพตลาดแบบยืดหยุ่น เพื่อเป็นทางเลือกในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำนี้ครับผม

เอาล่ะครับ เรากลับมาต่อกันเลยดีกว่าสำหรับมุมมองครบทุกด้านการลงทุนในสัปดาห์นี้คร้าบ

คลิกเพื่อดูภาพขยาย

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์ : จับตาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจากตัวเลข  GDP ไตรมาสสามสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการบริษัทในไตรมาสที่สามส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ ซึ่งทำให้ราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นค่อนข้างแพง และการปรับตัวขึ้นอาจเป็นไปได้อย่างจำกัด ประกอบกับแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่เริ่มอ่อนแอ ดังนั้นในตอนนี้ผมว่าคงการลงทุนกันไปก่อนจะดีกว่าครับผม

ตลาดหุ้นยุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นนำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากการประกาศผลประกอบการดีกว่าคาด และจากความคาดหวังของนักลงทุนว่าธนาคารกลางยุโรปจะออกมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่โดยรวมดัชนีชี้นำเศรษฐกิจอังกฤษยังขยายตัวดีกว่าคาด และแรงขายในตลาดหุ้นทยอยปรับลดลง แหม่.. ทิศทางแบบนี้ผมขอแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปกันต่อไปครับ

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE)

ทางฝั่งตลาดหุ้นจีนนั้น มีการปรับตัวขึ้นทั้งสองตลาด หลังจากที่ GDP ไตรมาสสามขยายตัวได้ตามที่นักลงทุนคาดหวัง ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนอาจไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อควบคุมระดับหนี้เอกชน ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินทุนในตอนนี้ แบบนี้ผมว่าคงการลงทุนในทั้งสองตลาดนี้ดูท่าทีกันไปก่อนครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

มาดูทางฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นตามหุ้นโลกและตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่โต ประกอบกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มสัญญาณการฟื้นตัวจากการลงทุนของเอกชนและการผลิตภาค อุตสาหกรรม และ ธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินเยนเริ่มอ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดนี้ต่อไป ดังนั้นผมขอแนะนำว่ายังควรจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

ตัวเลขเศรษฐกิจเกาหลีใต้เร่งตัวขึ้นในเดือนกันยายน ในขณะที่ราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเกาหลีนั้น ผมมองว่ายังถูกกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ทำให้ตลาดหุ้นยังมีความน่าสนใจอยู่ แบบนี้คงต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีกันหน่อยซะแล้วล่ะครับ

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยดีดกลับหลังถูกเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อดูอีกทางหนึ่ง ผมมองว่านโยบายภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสสนับสนุนการบริโภคและลงทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าถึงเวลาที่นักลงทุนควรจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้แล้วล่ะครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะยังขยายตัวได้ดีจากการบริโภคในประเทศ รวมถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะทำให้ธนาคารกลางอินเดียสามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการ ประชุมครั้งต่อไป นอกจากนี้ การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียอีกด้วย ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ เอ้ย น่าสนใจอยู่นะครับเนี่ย แบบนี้ขอแนะนำให้เพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียกันต่อดีกว่าครับผม

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

เมื่อความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลงแบบนี้ ผมยังแนะนำเหมือนเดิมครับว่า นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และ หาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นครับ

น้ำมัน

ปริมาณน้ำมันที่ผลิตเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ จากจำนวนแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. มีโอกาสกดดันราคาน้ำมัน ซึ่งถือว่าแนวโน้มไม่ค่อยดีสักเท่าไร ยังไงลดสัดส่วนการลงทุนไว้สักหน่อยดีกว่าครับ

ทองคำ

ราคาทองคำปรับขึ้นเนื่องจากราคาได้ปรับลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปแล้วค่อนข้างมาก ความกังวลด้านต่างๆในโลก เช่น ปัญหาในซีเรีย การลงประชามติในอิตาลี ผมว่าจังหวะนี้ก็อาจเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเพิ่มการลงทุนในทองคำไว้บ้างก็เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีเหมือนกันครับ

ตราสารหนี้ไทย

ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีปรับตัวขึ้นจากการกลับมาเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีอะไรมาก ผมว่าตอนนี้เราควรดูท่าทีในการลงทุนตราสารหนี้ไทยกันไปก่อนครับ

สรุปสำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ผมยังแนะนำให้จับตาที่ตลาดเอเชียเหมือนเช่นเคยครับ (ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ยังคงการลงทุนต่อไปสักพัก) ตามที่เล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนแรกของบทความนี่แหละครับ สำหรับส่วนทางฝั่งตลา