[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2559

สวัสดีครับ กลับมาแล้วครับกับ Weekly Outlook โดยผม “อัศวินกองทุน” เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมกับมุมมองการลงทุนในสัปดาห์ที่ 20 ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2559

ก่อนที่เราไปดูถึงแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ผมมีข้อคิดเห็นบางเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ ถ้าทุกคนสังเกตให้ดี จะเห็นว่าช่วงหลังมักเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวค่อนข้างต่ำ แต่ในขณะที่เศรษฐกิจเอเชียกลับมีการขยายตัวอย่างมาก ส่งผลให้เอเชียมีความสำคัญในเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อดูในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจเอเชียเติบโตเฉลี่ย 8% เมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐฯและยุโรป ที่ขยายตัวเพียง 2% และ 1% ตามลำดับเท่านั้น และปัจจุบันเศรษฐกิจเอเชียมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกเลยทีเดียว ในขณะที่สัดส่วนของประเทศที่พัฒนาแล้วกลับหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เห็นใหมล่ะครับว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมันเนื้อหอมน่าลงทุนขนาดไหน และที่ใครหลายคนสงสัยว่าทำไม Weekly Outlook ช่วงหลังๆ ถึงเน้นเรื่องของเอเชียเป็นหลัก เพราะสาเหตุนี้นี่แหละครับผม

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นที่ดีขึ้นลดความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลาง”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ทางฝั่งสหรัฐการใช้จ่ายภาคธุรกิจและการบริโภคครัวเรือนเริ่มแสดงการชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้ GDP ไตรมาสสามขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ท่าทีแบบนี้ผมคิดว่าดูท่าทีโดยคงการลงทุนไปก่อนดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

การไม่เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB หลังจากตัวเลขสำรวจภาคการผลิตเดือน ต.ค. ออกมาดีกว่าคาด ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการขยายตัวที่ลดลงของยอดสินเชื่อในเดือน ก.ย. จะเป็นปัจจัยกดดันรายได้หุ้นกลุ่มธนาคาร เฮ้อ ดูไม่ค่อยดีเท่าไร ผมว่าแบบนี้คงการลงทุนกันไปก่อนดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE)

ผลประกอบการของตลาดหุ้นจีนอาจขยายตัวน้อยกว่าคาดในช่วงไตรมาสสี่ จากมาตรการควบคุมราคาบ้าน ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้เงินหยวนมีแนวโน้มอ่อนค่าและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินทุนจากจีน แบบนี้คงการลงทุนกันต่อไปทั้งสองตลาดดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ทางฝั่งญี่ปุ่นกันบ้างครับ ตัวเลขการสำรวจภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนล่าสุดชี้ถึงการฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ความจำเป็นที่ BOJ จะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมลดลง ประกอบกับเงินเยนที่แข็งค่าต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ท่าทีญี่ปุ่นก็ไม่ดีแบบนี้ ผมว่าลดการลงทุนไปดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

ผมมองว่าประเด็นเกี่ยวกับ Note 7 ของบริษัท Samsung จะสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงของบริษัท และจะกระทบต่อผลประกอบการ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย. ชี้ถึงการขยายตัวที่ลดลงทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ทำให้ GDP ไตรมาสสี่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นเราควรคงการลงทุนแบบนี้ไว้น่าจะดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นไทย

ทางฝั่งของไทย ผมคาดว่าการส่งออกไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยภายในจากการเร่งตัวจากนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนการลงทุนและการบริโภคในประเทศ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสสี่ได้ดีขึ้น ดังนั้นจังหวะมาแล้วครับ เพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกันดีกว่าครับผม

ตลาดหุ้นอินเดีย

คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะยังขยายตัวได้ดีจากการบริโภคภาคครัวเรือน และการปรับขึ้นเงินเดือนราชการ รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เข้ามาต่อเนื่องจะสนับสนุนให้การขยายตัวเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง นี่ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ควรเพิ่มการลงทุนครับ

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

ยังคงมุมมองเดิมๆ เพิ่มเติมคือ ความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น

น้ำมัน

ส่วนของน้ำมันนั้น ในเดือน ก.ย. ประเทศอิรักมีการใช้กำลังการผลิตไปแล้วกว่าร้อยละ 95 ของกำลังการผลิต ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากจีนลดลงถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ประกอบกับท่าทีให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตจากรัสเซีย จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน ผมมองว่าถ้าแบบนี้ คงการลงทุนไปก่อนจะดีกว่าครับ

ทองคำ

มองดูแล้ว ผมคาดว่าความต้องการลงทุนในทองคำจะได้ประโยชน์จากความเสี่ยงในตลาดเงินที่อาจเพิ่มขึ้นจากปัญหาการเมือง เช่น ข้อพิพาทจากปัญหาในซีเรีย การลงประชามติในอิตาลี และการขอออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ความไม่แน่นอนที่มากมายแบบนี้ ผมว่าเพิ่มการลงทุนในทองคำไว้กระจายความเสี่ยงก็ไม่เลวครับผม

ตราสารหนี้ไทย

ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีปรับตัวตามทิศทางดัชนีพันธบัตรทั่วโลกหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ ซึ่งเราควรมีไว้ติดพอร์ทเพื่อกระจายความเสี่ยงไว้บ้างครับผม และผมมองว่าคงการลงทุนไว้ก่อนจะดีกว่าครับ

สรุปสำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ผมยังแนะนำให้ Focus ที่ตลาดเอเชียเหมือนเช่นเคยครับ โดยมุ่งไปที่ประเทศไทย