[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน] สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 21 - 25 พฤศจิกายน 2559

สวัสดีคร้าบบบบ เจอกับ Weekly Outlook ครั้งที่ 23 กันอีกแล้วครับ กับผม  “อัศวินกองทุน” หนึ่งเดียวคนนี้ ที่จะมาพูดคุยเรื่องมุมมองการลงทุนประจำวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2559 ให้ทุกคนฟังกันเหมือนเช่นเคยคร้าบบ

ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมมีข่าวมาฝากเล็กๆน้อยๆครับ สำหรับช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นเกิดใหม่มีการปรับตัวลดลงโดยการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมาจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. นี้  โดยคาดว่า นโยบายหลักๆของทรัมป์ ได้แก่ การลดภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯในอนาคตครับ ดังนั้น จับตาดูกันให้ดีและลงทุนกันอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ

เอาล่ะครับ… มาดูกันต่อกับภาพรวมการลงทุนประจำสัปดาห์ดีกว่าครับ!

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลงจากความกังวลของนักลงทุนต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อย่างที่เรารู้กันดีครับว่า นโยบายหลักของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ คือ การลดภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจและเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก แบบนี้ถึงเวลาที่จะเพิ่มการลงทุนต่อไปครับผม จัดสิครับ รออะไรอยู่ ฮ่าๆ

ตลาดหุ้นยุโรป

จะเห็นได้ครับว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประกาศออกมาดีกว่าคาดการณ์ ส่วนการทำประชามติของอิตาลีจะยังไม่ส่งผลต่อนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน และ ECB จะยังขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์ในการประชุมเดือน ธ.ค. ปัจจัยบวกยังไม่หมดไป ปัจจัยกระทบยังไม่เข้ามา เอาล่ะครับ แบบนี้ก็จัดการกันต่อโดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่อไปครับผม

ตลาดหุ้นจีน

ผมมองว่าการปรับตัวขึ้นของตลาด A-SHARE ในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทไปมากแล้ว ดังนั้นอยู่นิ่งๆคงการลงทุนต่อไป หรือขายทำกำไรก็ได้ครับ  แต่ในขณะเดียวกันกับฝั่ง H-SHARE ที่ตลาดได้สะท้อนการปรับขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปมากแล้ว จึงทำให้การปรับตัวลงของหุ้น H-SHARE กลายเป็นโอกาสให้เข้าสะสมและเพิ่มสัดส่วนการลงทุน เอ้า จัดไปยาวๆกับ H-SHARE กันครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ผมมองว่าค่าเงินดอลลาร์ได้สะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไว้แล้วบางส่วน จึงคาดว่าจะแข็งค่าต่อได้อีกไม่มากเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ซึ่งตรงนี้อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดังนั้นอยากแนะนำให้ช่วงนี้คงสัดส่วนการลงทุนไปก่อนครับผม

ตลาดหุ้นเกาหลี

ตลาดเกาหลีได้สะท้อนถึงการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯไปมากแล้ว จากการขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่เดือน ก.ย. ทำให้โอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อมีไม่มากนัก ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำคือปรับสัดส่วนการลงทุนมาเท่ากับเกณฑ์เดิมที่ลงไป สัปดาห์นี้ผมมองว่าไม่ต้องลดสัดส่วนการลงทุนต่อแล้วล่ะครับ

ตลาดหุ้นไทย

การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาจากการขายของนักลงทุนต่างชาติได้สะท้อนถึงการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำให้ราคาเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งผมยังมองว่าตลาดหุ้นไทยยังไปต่อได้ครับ ประกอบกับการส่งออก รวมทั้งการเบิกจ่ายและการลงทุนภาครัฐฯ ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้คือตัวสนับสนุนการลงทุนได้อย่างดีครับ แบบนี้ผมว่าจัดการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนน่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดครับผม

ตลาดหุ้นอินเดีย

ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงแรง จากความกังวลของนักลงทุนต่อนโยบายการยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่าสูง ซึ่งอาจกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชน แต่คาดว่าเพียงระยะสั้นเท่านั้นครับ ประกอบกับโอกาสที่ทาง RBI จะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. เพิ่มสูงขึ้น จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง และเพื่อช่วยลดผลกระทบของนโยบายดังกล่าวอีกทางหนึ่ง โดยรวมๆแล้วยังคงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนครับ

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

ไม่เปลี่ยนแปลงครับ … “ความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น” ตามนั้นครับผม

น้ำมัน

ทางประเทศกลุ่ม OPEC มีการนัดประชุมนอกรอบก่อนการประชุมใหญ่ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ เพื่อหาข้อตกลงในการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมัน ประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้พลังงานในช่วงฤดูหนาวของสหรัฐฯ และยุโรป จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้น แบบนี้คือโอกาสที่เราจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในน้ำมันครับผม

ทองคำ

ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลดลงไม่มาก จากการแข็งค่าของ