จากการที่ผมได้รับคำถามและสังเกตจากทั้ง Fan Page และนักลงทุนมือใหม่ที่รู้จักกันตามงานสัมมนา หลายๆคนจะมีคำถามเรื่อง หุ้นถูก หุ้นแพง ดูอย่างไร วิธีการเลือกหุ้นโดยเอาราคาหุ้นมาเป็นตัวตัดสิน โดย ให้เหตุผลว่า "เราควรซื้อหุ้นในราคาถูก" ซึ่งมันเป็นความที่ถูกต้องเลยนะครับ แต่หลายๆครั้งพอผมเช็คกลับไปว่า หุ้นราคาถูกของนักลงทุนนั้นเป็นอย่างไรและซื้อในมูลค่าเท่าไหร่ จะได้รับคำตอบที่อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป

ยกตัวอย่าง... หุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำธุรกิจเดียวกัน

หุ้น A ราคา 10 บาท

หุ้น B ราคา 150 บาท

นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ อาจจะมีโอกาสเข้าใจผิดและตัดสินใจว่า เลือกหุ้น A ดีกว่า เพราะราคาถูกกว่า หากนำเงินมาลงทุน 15,000 บาท จะได้หุ้น A ถึง 1,500 หุ้น ในขณะที่หุ้น B ได้เพียงแค่ 100 หุ้น หากมีการเพิ่มขึ้นของราคาที่เท่ากันจะทำให้ได้ผลกำไรในหุ้น A มากกว่าหุ้น B เมื่อลงทุนไปแล้วนักลงทุนบางคนอาจจะโชคดี หุ้น A เติบโตและราคาเพิ่มขึ้นจริงๆ แต่หากโชคไม่ดีก็อาจจะรู้สึกเสียดายถ้าหุ้น A ไม่ได้ขยับราคาไปไหนแต่หุ้น B เติบโตไป 200 บาทแล้ว

การมองลักษณะดังกล่าว ถ้าเราไม่ได้โชคดีอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนทางการลงทุนก็ได้ ถ้าผมยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นชัดๆ ผมหยิบเงินมาให้คุณเลือก เป็นแบงค์ 100 บาท 1 ใบ และ แบงค์ 20 USD 1 ใบ เชื่อผมไหมครับว่า ถ้าหากคนไม่รู้แล้วมองแต่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะคิดว่า การหยิบเงิน 100 บาท นั้นมีตัวเลขที่สูงกว่า ก็เป็นได้ แต่บางคนก็โชคดี ดันหยิบแบงค์ 50 USD ไม่ได้หยิบแบงค์ 20 บาท

การมองหุ้นถูกหุ้นแพงของนักลงทุนมือโปร

นักลงทุนมือโปรเขามีวิธีการมองหุ้นที่ไม่เหมือนมือใหม่จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานนะครับ

  • ดูก่อนเลยว่าธุรกิจไหน อุตสาหกรรมไหน น่าสนใจ
  • เข้าไปดูรายละเอียดของธุรกิจว่าทำอะไร สินค้าบริการเป็นอย่างไร มีโอกาสเติบโตเปล่า
  • ดูงบการเงินว่าเป็นอย่างไรในเรื่องของการเติบโต ง่ายๆคือ ลงทุนไปแล้วจะสร้างผลกำไรให้เขาไหม
  • เอามูลค่าหุ้นทางบัญชีมาประเมินดูเทียบกับมูลค่าหุ้นที่ขายในราคาปัจจุบันแล้วดูว่าจะซื้ออย่างไรให้ได้ราคาอย่างเหมาะสม

แน่นอนว่าการมองราคาหุ้นนั้น นักลงทุนมือโปรที่ดูปัจจัยพื้นฐานและดูงบการเงินเป็นสามารถบอกได้ว่าหุ้นนั้นราคาแพงมากขนาดไหน สิ่งแรกที่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า หุ้นมันจะมีมูลค่าทางบัญชีของมันอยู่ในงบการเงิน เช่น บริษัท หนึ่งมีทรัพย์สินอยู่ 1,200 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าทรัพย์สินที่มาจากเจ้าหนี้อยู่ 200 บาท และเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น 1,000 บาท (มี 1,000 หุ้นพอดี หุ้นละ 1 บาท)

งบแสดงฐานะทางการเงินจะทำให้คุณได้เจอมูลค่าหุ้นพื้นฐาน

ทีนี้ราคาทางบัญชีน่ะ มันเป็นราคาที่เป็นความจริงในระยะเวลารอบบัญชีที่เขาคิดกัน แต่ต้องอย่าลืมว่าธุรกิจมันเปลี่ยนทุกวัน ขายของมีกำไรมากขึ้นในเดือนถัดมา มีกำไร มูลค่าหุ้นทางบัญชีก็เปลี่ยนแล้วล่ะ เขาก็จะวัดกันทุกไตรมาส แต่พอหุ้นมันเอาเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เขาจะไม่ได้ซื้อขายตรงมูลค่าทางบัญชีหรอก เขาจะซื้อขายกันตรงความคาดหวังกันมากกว่า

เวลาเขาซื้อหุ้น เขาซื้อในราคาที่ขายกันในตลาดนะครับ ไม่ใช่ในราคาในบัญชี

ทำไมถึงซื้อขายตามความคาดหวังล่ะ? ถ้าคุณเปิดธุรกิจขึ้นมา แล้วมันสร้างผลกำไรในกิจการ นับวันมันก็ต้องโตขึ้นๆ ใครที่อยากซื้อกิจการดีๆ คนขายเขาก็ไม่ขายให้ถูกๆหรอก ขายให้แพงแน่นอน ส่วนคนซื้อก็ต้องชั่งใจดีๆว่า จะซื้อในราคาหุ้นเท่านั้นเท่านี้หรือเปล่า? แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าอยู่ๆในตลาดมันมองกันในแง่ร้ายมาๆ มีข่าวไม่ดีของกิจการ ความคาดหวังก็อาจจะลดลงก็ได้ ถ้าธุรกิจมันขาดทุนเอาๆ รับรองความคาดหวังยิ่งน้อยว่ามันจะดี คนก็อยากขายหุ้นออกไปเพื่อเก็บเงินสด เขาก็อาจจะขายกันต่ำกว่าราคาพื้นฐานก็เป็นไปได้นะ อารมณ์ว่าขอขายก่อนเถอะ ไม่ขายตอนนี้เดี๋ยวกิจการเน่า ขาดทุนมากกว่าเดิม ราคาพื้นฐานก็ปรับตัวลงอีกได้

หุ้นถูก หุ้นแพง ดูอย่างไร มาดูตัวอย่างของจริงกันดีกว่า ผมเอาข้อมูลมาจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของหุ้นตัวหนึ่งนะครับ ใช้เป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความประสงค์จะชี้นำใดๆ

ราคาทางบัญชีคือ "ราคาจริง ที่ไม่ได้เอาไปซื้อขายกัน"

ราคาในตลาดหุ้นคือ "ราคาที่ไม่จริง แต่ซื้อขายกันได้"

เห็นมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นในบรรทัดล่างไหม แต่ละปี มันขึ้นมาตามลำดับ 3.71 - 4.26 - 4.54 - 5.81 - 6.49 แต่ถ้าเราดูราคาล่าสุดที่เขาซื้อขายกันจริงมันราคาสูงกว่านั้นเยอะ เช่น ของที่ขายกันในราคา 3.71 ในปี 2553 เขาขายกันที่ราคาแถวๆ 11.80 บาท แล้วปัจจุบันถ้าเราซื้อที่ราคา 33.75 จริงๆแล้วมันราคา 6.49 เองน่ะ

ถ้าเรามองว่าราคาที่มันซื้อขายกันนั้นมันเทียบกับราคาพื้นฐาน เทียบกันเพื่อรอให้ซักวัน ราคาหุ้นจาก 33.75 บาท ร่วมมาเหลือ 6.49 หรือต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีเนี่ย คงไม่ได้ซื้อหุ้นแน่ๆเลยนะครับ ฮาๆๆ ดูจากอดีตที่ผ่านมาแล้วก็เหมือนกัน หุ้นมันวิ่งอยู่บนความคาดหวังเสมอ เพียงแต่จะคาดหวังน้อยหรือมากในแต่ละช่วงก็อีกเรื่องหนึ่งในช่วงปี คุณลองเอาหุ้นหลายๆตัวมาดูก็ได้ว่า อันไหนราคาหุ้นถูกและราคาหุ้นแพง แต่มันไม่สามารถเอาความแพงถูกมาวัดกันได้แบบแปะๆหรอก เพราะการทำธุรกิจและพื้นฐานของมันก็ต่างกันอยู่แล้วแม้จะในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามแต่เราก็ต้องรู้ว่าความคาดหวังของธุรกิจคืออะไรที่จะทำให้หุ้นขึ้นในอนาคตได้

สิ่งที่ทำให้คนคาดหวังกันว่าธุรกิจจะดีคืออะไรรู้ป่ะ?

"กำไร การเติบโตไง  รวมถึงแผนและข่าวต่างๆที่สร้างความคาดหวังว่าต่อไปจะมีกำไรและกิจการโต"