สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ กับผม”หมอนัท”ประจำคลินิกกองทุนแห่งนี้ พบกันแต่ละครั้งก็คงหนีไม่พ้นการเอาเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ การลงทุนในกองทุนรวมมาอัพเดทกันแน่ ๆ ครับ

ผมคิดว่าในช่วงต้น ๆ ปีแบบนี้ เป็นช่วงที่ใคร ๆ ก็พยายามที่จะทบทวนตัวเอง และ เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หรือ เริ่มตั้งเป้าหมายใหม่ ถือเป็นจังหวะที่ดีครับ เพราะต้นปีนี้มีเรื่องราวทั่วโลก และใกล้บ้านเราให้น่าติดตามอยู่พอสมควร และการที่เราขยับตัวเร็วแต่ต้นปี หรือปักหมุดหมายให้ตัวเอง ก็จะช่วยให้ชีวิตของเรานั้นพัฒนา และ พุ่งตัวไปสู่เป้าหมายเราได้อย่างต้องการ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน การวางแผนเงินๆ ทองๆ การลงทุน

ก่อนปักหมุดให้ตัวเองว่าปีนี้เราจะจัดการการเงิน การลงทุนของเราอย่างไร เรามาดูกันซักนิดว่า เราจะไปในทิศทางไหนกันดี ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มที่จะปรับตัว และลดความตกใจจากสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 กันนั้น ราคาหุ้นของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐ และ จีน กลับทำผลตอบแทนได้ดีขึ้น และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง เพราะว่ามีหุ้นหลายตัวที่ไม่ได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบระยะสั้นๆ เช่น  กลุ่มธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ และกลุ่ม Healthcare

ซึ่งที่ตลาดต่างประเทศเติบโตได้ดีอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ผลการเลือกตั้งสหรัฐและการรับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ที่มีนโยบายที่คนทั่วโลกจับตา และอีกส่วนหนึ่งของการเติบโตในตลาดต่างประเทศก็มาจากแนวทางการทำธุรกิจของกลุ่มที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างพวก Tesla ที่เติบโตได้จากนโยบายใหม่ของสหรัฐ ฯ โดยเฉพาะกลุ่ม ZOOM, Netflix etc.  ที่มีแนวทางการเก็บ  ค่าบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจากผู้ใช้บริการนั่นเองครับ

อีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจก็คือ Healthcare ที่ก็เติบโตตามวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้น เพราะว่าการพัฒนายาใหม่ ๆ วัคซีนใหม่ ๆ หรือ วิธีการรักษาใหม่ ๆ เช่น การนำวัคซีนCOVID-19 ออกใช้ได้ในคนในหลายประเทศ การใช้การตัดต่อ Gene ในการรักษาโรคทางพันธุกรรมได้ หรือ ให้ DNA ในการวิเคราะห์โอกาสการเกิดโรคต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลครับ

นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม Sub-Sector หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมย่อยบางตัวก็ยังคงมีความน่าสนใจ  เช่น E-commerce, Game - E sport, ระบบ Cloud Computing, Fintech, AI etc. โดยเฉพาะผลตอบแทนต่อปีที่ค่อนข้างจะสูง และมีความน่าสนใจเนื่องจากบางธุรกิจเพิ่งจะเริ่มเติบโตด้วยซ้ำ    ถือว่ามีโอกาสในการลงทุนอยู่อีกมากมากเลยทีเดียว

จากแนวโน้มที่ผมเล่ามาข้างต้น ถ้าใครอยากทันกับเทรนด์ลงทุนของโลกแบบนี้ และอยากสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ ตอนนี้ App FinVest ก็เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ๆ ที่ลงทุนในกองทุนรวมแบบพวกเรา  เท่าที่ผมเข้าไปดู FinVest จะติดตามสถานการณ์ทั่วโลก แนะนำกองทุนตามเทรนด์หรือความสนใจของคนแต่ละกลุ่ม เจาะลึกกองทุนที่น่าจับตามอง จัดอันดับกองทุนผลตอบแทนเด่นๆ ซึ่งการที่มี FinVest ช่วยชี้เป้าแบบนี้ ช่วยนักลงทุนอย่างเราได้มากทีเดียว

มีกองทุนที่น่าสนใจ ที่แอป FinVest ชี้เป้าไว้ และเข้ากับสถานการณ์อยู่หลายตัวเหมือนกันครับขอยกตัวอย่างมาสัก 3 กองที่ทำผลงานติดอันดับผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน โดดเด่น เช่น

KFHTECH-A มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆทั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นในหมวดเทคโนโลยี ของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) อาทิ Apple Inc | Microsoft Corp | Tesla Inc | Amazon.com Inc | LG Chem Ltd | Paypal Holdings Inc

TISTECH-A ลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหรือบริษัทที่เป็นผู้นำหรือมีความก้าวหน้าทาเทคโนโลยี หรือ บริษัทที่อยู่ในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Apple Inc |  Microsoft Corp  | Microsoft Corp | Tesla Inc | Tencent holdings Ltd

WE-GTECH กองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่เงินลงทุนในระยะยาว อาทิ Microsoft Corp | Apple Inc | Facebook Inc | Alphabet Inc | Samsung Electronics Co Ltd | Zendesk Inc

และความสามารถของ FinVest ไม่ใช่แค่ให้เราเข้าไปอ่านเพื่อเอาข้อมูลจากเขาบน Website หรือจากAppได้เท่านั้น แต่บนApp FinVest  เมื่อเราดาวน์โหลด App https://finvest.onelink.me/CoWV/FBClinic มาแล้ว  เราสามารถสมัครและเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายกองทุนได้เลย ความสะดวกคือ

  • ซื้อขายได้กองทุนได้ถึง 16 บลจ.ชั้นนำในประเทศ ไม่ต้องเดินทางไปสาขา หรือไปแยกเปิดบัญชีกองทุนเป็นราย บลจ. และเร็วๆ นี้ยังสามารถซื้อกองทุนรวมต่างประเทศทั่วโลกด้วยตัวเองได้ด้วยครับ 
  • ที่สำคัญ ไม่ต้องกำเงินไปเยอะๆ เพราะสามารถลงทุนผ่าน App FinVest ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท 
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บอยู่แล้ว 
  • ผูก และตัดบัญชีได้กับ 4 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย
  • เปิดบัญชีกองทุนวันนี้ - 31 มี.ค. 64  รับเงินเข้าบัญชี 200 บาท

เรื่องความปลอดภัยส่วนตัวผมว่าวางใจได้ เพราะแอปฯนี้ ถูกสร้างมาจากความร่วมมือจาก 3 บริษัทชั้นนำ นั่นก็คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ลู อินเตอร์เนชันแนล (LU) และบลน. โรโบเวลธ์ จำกัด (Robowealth) ครับ ซึ่งได้รับการกำกับดูแลและอนุมัติ จาก ก.ล.ต.

หรือใครอยากอ่านบทความเพิ่มเติม อยากเข้าใจ App FinVest มากขึ้น อยากรู้วิธีสมัครก็ไปดูที่เว็บไซต์ของ FinVest ได้ที่ https://bit.ly/3pPCCpC

โดยสรุปง่ายๆ ครับ ว่าแค่เปิด App ขึ้นมาก็ได้ลงทุนกับกองทุนชั้นนำของไทย และกองทุนทั่วโลกง่ายๆ แค่ปลายนิ้วแล้วครับ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่ไหน ทำงานอยู่ที่ไหน จะเดินเล่นอยู่ หรือจะออกไปเที่ยวกินกาแฟที่ร้านไหน ก็ทำให้คุณสร้างการลงทุน ได้ทุกที่ ทุกเวลาครับ และผมคิดว่าก็น่าจะเหมาะกับใครที่กำลังจะตั้งแผนการเงิน การเก็บออมให้กับตนเองโดยอยากเริ่มทันทีตั้งแต่ต้นปี App นี้ถือว่าเหมาะมากครับ

สุดท้ายนี้ก่อนจะจากกันไป ผมคิดว่าการลงทุนนั้นค่อนข้างสำคัญกับชีวิตเพราะว่าการลงทุนที่ดี จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดี และนำเราไปสู่เป้าหมายของชีวิตที่เราตั้งเป้าไว้ได้ในที่สุดครับ การจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องมีเครื่องมือที่ดีจึงจะไปถึงได้ และใน App Finvest นี้ก็มีทุกอย่างอยู่ครบแล้วครับ มาเริ่มต้นลงทุนกันได้แล้ววววว

วันนี้ผมต้องลาไปก่อน ขอให้โชคดีกับการลงทุนในยุคดิจิทัลนี้นะครับ

บทความนี้เป็น Advertorial