เคยสงสัยกันมั้ยว่า เงินในแต่ละเดือนของเราหายไปไหนหมด? ลองหันดูของที่กองอยู่รอบตัว ทั้งไอแพดรุ่นล่าสุด ลำโพงฟังก์ชันสุดล้ำ เสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่ (ทั้งที่ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน) ฯลฯ ซึ่งถ้ามันได้ใช้ประโยชน์ก็ดีไป แต่ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลัง ลองใช้ “กฎ 1% และ 1 วัน” ที่จะช่วยให้เรามีสติก่อนใช้เงินดูครับ
กฎนี้บอกเอาไว้ว่า คนที่มีรายได้น้อยกว่า 500,000 บาทต่อปี (ราวเดือนละ 41,666 บาท) ก่อนจะซื้อของที่ราคาเกิน “1%” ของรายได้ต่อปี ให้หยุดคิดก่อน “1 วัน”
ตัวเลข 1% นี้ใช้ได้กับทุกช่วงรายได้ เช่น
ถ้าคุณมีรายได้ 300,000 บาทต่อปี (เดือนละ 25,000 บาท)
ราคาของที่ต้องระวังก่อนซื้อ = 3,000 บาท
ถ้าคุณมีรายได้ 400,000 บาทต่อปี (เดือนละ 33,000 บาท)
ราคาของที่ต้องระวังก่อนซื้อ = 4,000 บาท
ถ้าคุณมีรายได้ 500,000 บาทต่อปี (เดือนละ 41,666 บาท)
ราคาของที่ต้องระวังก่อนซื้อ = 5,000 บาท
ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุไว้ว่า คนไทยมีรายได้เฉลี่ย 28,000 บาทต่อเดือน หรือราวปีละ 336,000 บาท ดังนั้นตัวเลขราคาของที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องระวังก่อนใช้จ่าย จะอยู่ที่ประมาณ 3,360 บาท
เมื่อเราคิดจะซื้อของที่ราคาเกิน 1% ของรายได้ทั้งปี ให้รออีก 1 วัน เพื่อไตร่ตรองดูว่าควรซื้อของชิ้นนั้นดีหรือไม่? โดยพิจารณาถึงความจำเป็น และประโยชน์ในการใช้สอย จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง แม้ว่ามันจะผ่อน 0% 10 เดือนก็ตาม
หรือถ้าเป็นการซื้อของออนไลน์ ก็ให้กดสินค้าใส่ตะกร้าเอาไว้ก่อน แต่อย่าเพิ่งจ่ายเงินทันที ให้หยุดคิดอีก 1 วันเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องซื้อให้ทันช่วงโปรโมชั่น 9.9 เพราะอย่าลืมว่าเดือนถัดๆ ไปก็มีโปรโมชั่น 10.10 / 11.11 อีก
แต่ถ้าผ่านมา 1 วัน แล้วยังอยากซื้ออยู่ และเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็สามารถซื้อได้เลยด้วยความมั่นใจ ว่านั่นคือสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้เราได้
กฎ 1% และ 1 วัน ไม่ได้สอนให้เราเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว แต่จะทำให้เราคิดไตร่ตรองก่อนใช้เงิน ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เหลือเงินออมและลงทุนมากขึ้น ซึ่งนั่นแปลว่าเราจะสร้างอิสรภาพทางการเงินได้เร็วขึ้นนั่นเอง