เข้าสู่ช่วงปลายเดือนทีไร ใครหลายคนมักจะเกิดอาการเหมือนโดนไฟดูดขึ้นมาทันควัน (ช็อตนั่นเอง - -") และพอไม่มีเงินขึ้นมา สิ่งแรกที่เราคิดนั่นคือ ขอยืมเงินชาวบ้านดีฝ่า (อย่าลืม.. อ่านเคล็ดลับวิธีปฎิเสธเพื่อนยืมเงินประกอบด้วยนะครับ) หรือไม่ก็ตัดสินใจนำเงินอนาคตมาใช้แทน ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด บัตรรถไฟฟ้า เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว จนบางครั้งการใช้เงินในอนาคตที่ว่านี้แหละ อาจจะทำให้เราเป็นหนี้โดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้ พอรู้ตัวอีกที โอ้ยยยย ตรูไม่มีปัญญาจะจ่ายแล้วววว

วันนี้ @TAXBugnoms มีเคล็ดลับการใช้ชีวิตดีๆ แบบปลอดหนี้สินมาเล่าสู่กันฟัง รับประกันได้ว่า ถ้าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ อ่านแล้วปฎิบัติตามได้ ต่อให้หนี้สินมากแค่ไหนก็ไม่อาจมากล้ำกรายได้เลยล่ะจ้าาาา

ข้อแรก : อย่าใช้เกินกว่าที่หามาได้

กูรูการเงินทั้งหลายมักจะแนะนำว่า ให้ปรับเปลี่ยนสมการการเงินของตัวเราใหม่ นั่นคือ ได้เงินมาเท่าไรหักออกก่อนด้วยเงินออมแล้วที่เหลือค่อยใช้จ่าย (รายได้ - เงินออม = รายจ่าย) แต่บางคนก็บอกว่าจะให้ออมยังไงไหว ชั้นจะตายอยู่แล้วจ้าาา ดังนั้นถ้าทำตามไม่ไหวจริงๆแล้วล่ะก็ สิ่งแรกที่ควรทำคือสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองก่อนว่า "ตรูจะไม่ใช้เกินกว่าที่หาได้!!!" เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะอย่างแน่นอนครับ

ข้อสอง : อย่าสนใจของนอกกายที่ไม่จำเป็น

ตามจากข้อแรกมาทันควัน ส่วนใหญ่แล้วที่เราใช้จ่ายมากกว่าที่หาได้นั้น สาเหตุมันเกิดจากของนอกกายทั้งหลายที่ไม่ตายแต่ก็อยากได้จริงๆเลยนี่แหละครับ บางคนเห็นเพื่อนเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ก็อยากจะเปลี่ยนตาม เห็นคนรอบข้างมีของดีของใช้ทันสมัยทั้งหลาย หรือไลฟ์สไตล์ที่น่าอิจฉา ใจมันก็๋อยากได้ขึ้นมาซะงั้น แต่เราลืมถามตัวเองไปว่า แล้วเราน่ะ "เหมาะสม" กับการใช้จ่ายพวกนั้นหรือไม่

และเหตุผลอีกข้อหนึ่งนั้นเกิดจาก "กับดักรายจ่าย" เพราะเราไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตัวเราเองนั้นได้จ่ายเงินไปมากขนาดไหน และที่สำคัญเจ้ารายจ่ายที่จ่ายไป เราแบ่งได้หรือยังว่า รายจ่ายไหนคือ “รายจ่ายที่จำเป็น(Need)” หรือ “รายจ่ายที่ต้องการ(Want)” กันแน่!

รายจ่ายที่จำเป็น คือ รายจ่ายทีต้องใช้ ถ้าไม่ได้จ่ายไปเราก็ตายแน่ๆ
แต่รายจ่ายที่ต้องการ คือ รายจ่ายที่เราไม่มีก็ไม่ตาย แค่ดิ้นทุรนทุรายไปสักพักเดียวเองจ้าา

และสุดท้ายก่อนที่จะจ่ายเงินออกไป ลองถามตัวเองก่อนทุกครั้งว่า "ตรูจ่ายไปทำไมฟระ"

ข้อสาม : อย่าเห็นของลดราคาแล้วตัวสั่น

ข้อนี้ถือว่าเป็นปัญหาของทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา เพราะแต่ละคนมีความชอบที่แตกต่างกัน บางคนชอบชอปปิ้งเสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้า SALE ทีไรก็อดใจไม่ไหว บางคนชอบสินค้าไอที เดินงานคอมมาร์ทที่ไรก็ห้ามใจไม่อยู่ เพราะเราทุกคนล้วนมีความชอบนู่นนี่นั่นแตกต่างกันไป แต่วิธิที่ห้ามใจได้ดีที่สุด นั่นคือ "หยุดมองของลดราคา" แต่ให้ซื้อเมื่อ "จำเป็นจริงๆ" เท่านั้น ไอ้ประเภทที่ซื้อๆไปก่อนเพราะกลัวพลาดของดีราคาถูก บางครั้งกลายเป็นผูกติดหนี้สินโดยที่่ไม่รู้ตัวนะคร้าบบบ

ข้อสี่ : อย่ากระสันอยากมีเหมือนคนอื่นเขา

สำหรับข้อนี้ เป็นเรื่องใจล้วนๆ เพราะความอิจฉาริษยาเราต้องดับให้ขาด หากมีเรื่องพวกนี้ตลอดเวลาในใจ เราก็จะกลายเป็นคนที่มัวมองหาเป้าหมายที่จะแข่งขัน เปรียบเทียบ อยากมี อยากเป็น อย่างคนอื่นเขา แต่จริงๆเราเคยถามตัวเองไหมว่า "ชั้นต้องการอะไร" และ @TAXBugnoms เชื่อเลยครับว่า ถ้าเรารู้ตัวเองว่าต้องการอะไร เราจะตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้เต็มๆ เลยล่ะครับ

และเมื่อไม่ต้องใช้จ่าย โอกาสที่จะเป็นหนี้มันก็น้อยลงไปเหมือนเงาตามตัวเลยล่ะคร้าบบบ

ข้อห้า : อย่าเอาชีวิตไปผูกติดสินค้าเงินผ่อน

ผ่อน 0% 10 เดือน 20 เดือน 30 เดือน นั้นคือตัวยั่วยวนชั้นดีที่จะทำให้เราตบะแตก ตัดสินใจเป็นหนี้โดยที่คิดว่า ค่อยทยอยๆจ่ายก็ได้น่า ไม่เห็นเป็นไรเลย จากประสบการณ์ที่เคยเห็นมา บางคนมีบัตรเครดิตกี่บัตร พี่ท่านจัดเต็มวงเงินทุกบัตรเลยคร้าบ ทีนี้มันก็เป็นปัญหาตามมาว่า ผ่อนทุกเดือน จ่ายทุกเดือน หนี้เก่าไปหนี้ใหม่มา แต่ตัวคุณพี่น้้นหาอะไรกินไม่ได้เลยเพราะใช้หนี้จนหัวโตกันเลยทีเดียว

เคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนี้ มีไว้เพื่อเตือนใจเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก่อนจะตัดสินใจเป็นหนี้ แต่หนี้จะเกิดขึ้นได้นั้น มันต้องมาจากความอยากที่จะใช้จ่าย ถ้าหากแก้ปัญหาที่ตรงจุด ลดหนี้สิน เราต้องหยุดตั้งแต่ความคิดที่จะใช้จ่าย ไม่ใช่หยุดความคิดที่จะสร้างหนี้ เพราะถ้ารู้ตัวช้าแบบนั้น บางครั้งอาจจะไม่ทันการณ์นะคร้าบบบบบ