ชวนอ่าน 5 Mindset 3 เทคนิค จาก คุณหมู-ณัฐวุฒิ บทเรียนบนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านจากเจ้าของธุรกิจในวัยจบใหม่ สู่นักลงทุนผู้ก่อตั้ง Ookbee ที่จะทำให้คุณรู้ว่า จะเป็นเศรษฐีก็มีความสุขได้

1. ต้องมี Growth Mindset

อย่ามองว่าอุปสรรคเป็น “ปัญหาใหญ่” แต่ให้มองเป็น “ความท้าทายเล็กๆ ” ที่ต้องพัฒนาและก้าวข้ามไปให้ได้ โดยที่ Growth Mindset นั้น ไม่จำเป็นจะต้องใช้ในเรื่องของการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำไปใช้ได้กับเรื่องส่วนตัว อาทิ การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารดีๆ หรือแม้แต่เรื่องงานอื่นๆ

“เพียงแค่คุณรู้สึกขี้เกียจ มันก็ต้องอาศัยความท้าทายเพื่อที่จะก้าวข้ามไปให้ได้แล้วครับ”

2. คิดแล้วต้องทำจริง

นักลงทุนหลายคนมักจะมีนิสัยส่วนตัวที่คล้ายๆ กันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การคิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อที่จะพัฒนาหรือสร้างความสำเร็จให้อะไรสักอย่าง แต่ความสำคัญมันอยู่ที่คิดแล้วต้องทำครับ อาจจะให้เวลากับการนอนคิดสัก 2-3 วัน หลังจากตกผลึกได้แล้วก็ลงมือทำ โดยที่เริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ เรื่องเล็กๆ เพื่อที่จะได้ฝึกตัวเองไปพลางๆ สั่งสมประสบการณ์ที่เกิดจากการลงมือทำ ไม่ใช่แค่ฟังคนอื่นพูดมาอีกที

3. บริหารเวลาให้เป็น แล้วชีวิตจะมีกำไร

“ทุกคนมีเวลาเท่ากัน อยู่ที่ว่าจะใช้อย่างไร”

ลองหยิบเรื่องใกล้ตัวมาคิดกันดูครับ เช่น หากคุณกับเพื่อนเริ่มเก็บเงินพร้อมกัน ผ่านไปสัก 3 เดือน คุณกับเพื่อนยังจะมีเงินเก็บเท่ากันอยู่มั้ย? หรือด้วยเวลาที่จำกัด ทุกคนเริ่มงานตอน 9 โมงเช้า แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน จะเป็นไปได้มั้ยที่คุณจะเลิกงานพร้อมกันตอน 6 โมงเย็น ดังนั้น ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเวลาครับ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ล้วนแต่มี “เวลา” เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องวัดความสำเร็จ

4. ทุกเรื่องที่เคยทำ ทุกอย่างที่เคยผ่านมา เป็นบทเรียนเสมอ

ทุกๆ เรื่องที่เคยเจอเป็นครั้งแรก ณ ตอนนั้นมันอาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่และยากกับการรับมือเสมอครับ แต่เมื่อผ่านมันมาได้สัก 3-4 ปี แล้วมองย้อนกลับไป มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่เคยผ่านมา แต่สิ่งที่คุณจะได้กลับคืนมาก็คือ “บทเรียน” เวลาที่เสียไปมันก็คือ “ค่าเล่าเรียน” ที่ปลุกปั้นให้คุณเติบโตและสำเร็จอย่างในวันนี้ครับ

5. ความสุขคือสิ่งที่หาได้เลยในตอนนี้

ทุกๆ คนที่สวมบทบาทเป็นนักลงทุนในชีวิตของการทำงาน มักจะมีภาวะเครียดและวิตกกังวล ที่ต้องใช้ความคิดในการทำงาน หาเงิน บริหารจัดการธุรกิจ หรือทำเป้าหมายให้สำเร็จ จนลืมไปว่า “ความสุข” ยังเป็นสิ่งที่ต้องการในชีวิตส่วนตัวด้วย ดังนั้น เมื่อทำงานหนักแล้ว ก็ควรหาเวลาพักผ่อน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ตัวเองได้นอนหลับอย่างเพียงพอในทุกๆ วัน

จงจำไว้เสมอว่า เงิน อาจซื้อทุกอย่างได้ แต่ “เวลา” ไม่

6. มีวินัยในการเก็บเงิน

ในช่วงชีวิตของแต่ละคน จะมีจำนวนเงินเข้ามาไม่เท่ากัน เช่น วัยเริ่มต้นทำงาน ก็อาจจะได้รับเงินเริ่มต้นไม่มากนัก ผ่านไปสักระยะเกิดการขยับขยาย เลื่อนตำแหน่ง เปลี่ยนงาน ก็จะเริ่มมีเงินเข้ามามากขึ้น ซึ่งในแต่ละช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน มันไม่สำคัญว่าคุณจะได้เงินเข้ามาเท่าไร แต่มันสำคัญที่คุณใช้เงินอย่างไร เก็บเงินอย่างไร เพียงแค่คุณใช้เงินไม่เกินไปกว่าที่ได้รับ มีการเก็บออม แยกแยะค่าใช้จ่ายจำเป็นและค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ได้ในทุกๆ เดือน มันก็คือการจัดวินัยในการเก็บเงินให้ตัวเองได้แล้วครับ

7. กระจายความเสี่ยงในการลงทุน

“ไม่มีอะไรแน่นอน 100%”

ปัจจุบันการลงทุนค่อนข้างมีหลายรูปแบบ หลายประเภทเลยครับ ซึ่งนักลงทุนหลายๆ คนต่างก็ใช้วิธีกระจายการลงทุนไว้หลายๆ พอร์ต เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง เช่น เล่นหุ้น ซื้อที่ดิน รวมทั้งคุณหมูเองก็ได้กระจายการลงทุนไว้ทั้งใน NFT และ Cryptocurrency เก็บงานศิลปะในคาบการลงทุน โดยแบ่งสัดส่วนไว้ตามความสามารถในการรองรับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้นั่นเอง

8. แค่เก็บออมยังไม่พอ

หลายคนอาจคิดว่า เมื่อได้เงินมาแล้วก็ต้องเก็บออม เพื่อให้มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน แต่ในความเป็นจริง ภายใต้การเก็บออม ก็ยังมีเงื่อนไขอีกมากมายที่สำคัญและต้อง “เรียนรู้” เพื่อไม่เกิดการเสียเปรียบ หรือเก็บไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างน้อยๆ เลยคือต้องเข้าใจภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำให้ความสามารถในการใช้จ่ายภายใต้เงินเดือนที่ได้รับนั้นมันน้อยลง เพราะของต่างๆ ก็แพงขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้น ต่อให้คิดที่จะแบ่งเงินไปลงทุน หรือไปฝากธนาคาร ก็ต้องดูว่าผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นมันสูงกว่าภาวะเงินเฟ้อมั้ย ไม่เช่นนั้น คุณก็จะจนลง เพราะกระจายการเก็บเงิน กระจายการลงทุน แต่ยังไม่เข้าใจภาวะเงินเฟ้อมากพอ

“นอกจากหาได้ ใช้ไป ก็ต้องเข้าใจการลงทุนที่เอาชนะเงินเฟ้อได้ด้วย” หมู ณัฐวุฒิ กล่าว

รับชมรายการ: https://www.youtube.com/watch?v=m84jYuVB53s...