ในยุคสมัยที่คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ เรามักจะมองหาสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาว เพราะการลงทุนระยะยาวจะตอบโจทย์เรื่องผลตอบแทนได้มากกว่า

และเป็นที่กันรู้ดีว่าหุ้นคือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวมากที่สุด นักลงทุนส่วนมากจะเลือกหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี หรือไม่ก็เลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบ Passive Fund หรือ Index Fund ที่เน้นการลงทุนไปที่หุ้นใหญ่เหมือนกัน

แต่ถ้าเราลองสังเกตผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น จะพบว่าการลงทุนในหุ้นเริ่มให้ผลตอบแทนลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลงทั้งในประเทศและทั่วโลก รวมถึงมีเรื่องสงครามการค้าเข้ามากดดันให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นลดลงต่ำกว่าที่หลายคนคาด

นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มมีการปรับประมาณการผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยลดลง และเริ่มมองว่ากำไรของกิจการในบางบริษัทอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้ดีเหมือนก่อน เป็นสาเหตุการลงทุนในปีหน้า มีความท้าทายเพิ่มขึ้น การเข้าลงทุนจำเป็นจะต้องคัดสรรบริษัทที่จะเข้าลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากำไรของบริษัทเหล่านั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ทั้งนี้การลงทุนใน Passive Fund หรือ Index Fund อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป นักลงทุนอาจจะต้องมีการพิจารณาการพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Active Fund มากขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากการคัดเลือกการลงทุนของผู้จัดการกองุนในกองทุนประเภท Active Fund ให้สามารถตอบโจทย์การลงทุนที่มีความท้าทายมากขึ้นในระยะข้างหน้าได้

หากเราลองวัดผลตอบแทนของ Benchmark ในหุ้นขนาดต่าง ๆ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็จะพบว่าผลตอบแทนจากหุ้นขนาดกลางเล็กทำได้ดีกว่าหุ้นใหญ่ในระยะยาว

โดย Benchmark ของหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SET50TRI ทำผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4.15% ต่อปี ในขณะที่ FTSE Thai Small Mid Cap Thai ซึ่งเป็น Benchmark ของหุ้นขนาดกลางเล็กทำผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6.25% ต่อปี (ช่วงเวลาคำนวณผลตอบแทน 31 ธ.ค. 58 - 31 ต.ค. 62)

ทำให้กองทุนหุ้นขนาดกลางเล็กกลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งของสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการจัดพอร์ตลงทุน เพราะสามารถผลักดันให้พอร์ตลงทุนของเราเติบโตได้เร็วขึ้น โดยลักษณะของกองทุนหุ้นขนาดกลางเล็กมักจะเป็นแบบ Active fund ที่พยายามเอาชนะ Benchmark ให้ได้ในทุกช่วงเวลา

นับเป็นขุมพลังหนึ่งที่เหมาะสมในการสร้างผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนผู้รับความเสี่ยงได้สูง มีกลยุทธ์หลักเน้นที่การเติบโตของมูลค่าเงินลงทุน และไม่มีเวลามากพอในการศึกษาข้อมูลสำหรับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง

โดยวันนี้ทางทีมบรรณาธิการ aomMONEY ขอแนะนำให้รู้จักกองทุนรวมหุ้นขนาดกลางเล็กที่ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มกองทุนรวมประเภทเดียวกันนับตั้งแต่ต้นปี 2562

นั่นก็คือ กองทุนเปิด แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ (ASP-SME และ ASP-SMELTF) จาก บลจ. แอสเซทพลัส

“ASP-SME และ ASP-SMELTF” เป็นกองทุนเปิดที่มีนโยบายเน้นลงทุนกับบริษัทขนาดกลางเล็กที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) น้อยกว่า 80,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญที่คุณภาพการเติบโตของผลประกอบการ และมีเป้าหมายระยะยาวเน้นไปที่ความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงาน เพื่อให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้อย่างมั่นคง

การลงทุนกับหุ้นขนาดกลางเล็กจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่

โดยทั่วไปหุ้นขนาดกลางเล็กที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสูงจะค่อยๆสร้างกำไรให้เติบโตได้ในทุกปี เป็นที่หมายปองของนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน เพราะโอกาสในการเติบโตของผลตอบแทนจากกำไรบริษัทและราคาหุ้นจะมีรันเวย์ยาวกว่าหุ้นขนาดใหญ่มาก

แม้จะมีความเสี่ยงสูงแต่ถ้ามีกระบวนการคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสม ก็สามารถปิดความเสี่ยงได้บางส่วนเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่รออยู่ในอนาคต กองทุน ASP-SME ที่มีกลยุทธ์ในการทำ Stock Selection จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้

เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบันส่งผลต่อกำไรของหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักกับ SET Index เมื่อกำไรของกิจการเติบโตน้อยกว่าเดิม SET Index  การลงทุนกับ Index Fund ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้น้อยลง ทำให้การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลกับน้ำหนักของ Index มีโอกาสเติบโตได้น้อยลง

Performance แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อนับผลตอบแทนแบบ YTD

ตั้งแต่ต้นปี 2562 ASP-SME สามารถทำผลตอบแทน YTD ได้สูงถึง +17.52% ในขณะที่กองทุนฝาแฝดอย่าง ASP-SMELTF สามารถทำผลตอบแทน YTD ได้ที่ +15.39%  (นับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. - 29 พ.ย. 62) โดยเอาชนะ SETTRI ซึ่งเป็น Benchmark ของกองทุนได้อย่างขาดลอย (ในระยะเวลาเท่ากัน SETTRI ทำผลตอบแทนได้ +4.80%)

และนับเป็นกองทุนที่ทำผลตอบแทนสูงสุดเป็นลำดับที่หนึ่งในกองทุนรวมประเภทเดียวกัน!

กระบวนการบริหารกองทุน ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ในระยะยาว

สาเหตุที่กองทุนรวมสามารถทำผลตอบแทนได้ดี มาจากขั้นตอนการวิเคราะห์คัดเลือกบริษัทในเชิงลึกของทีมบริหารกองทุน เน้นที่การวิเคราะห์ที่ตัวบริษัทมากกว่าการมองภาพรวมของอุตสาหกรรม (Bottom-Up Analysis) เพื่อตรวจสอบว่าหุ้นที่จะลงทุนมีความสามารถในการทำกำไรและการแข่งขันเป็นอย่างไร

หากมีบริษัทขนาดกลางเล็กที่มีความสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่น และมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ASP-SME ก็พร้อมจะเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน

เมื่อเจอหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี ทีมงานจะคัดเลือกหุ้นมาวิเคราะห์กันอย่างละเอียด ทั้งโมเดลการทำธุรกิจ ลงภาคสนามสำรวจธุรกิจจริง และการตรวจสอบคุณภาพทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมถึงจับตาดูเทรนด์ที่จะช่วยสนับสนุนผลกำไรของธุรกิจอีกด้วย

Active Fund ความเสี่ยงสูง ที่ให้ผลตอบแทนก็สูงเช่นกัน

ASP-SME จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และอยากมีกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเติบโต เพื่อเป็นขุมพลังหนึ่งในพอร์ตลงทุนระยะยาว ในขณะเดียวกันนักลงทุนที่อยากได้ผลตอบแทนจากหุ้นขนาดกลางเล็ก พร้อมสิทธิในการลดหย่อนภาษีด้วย ก็สามารถซื้อ ASP-SMELTF ในปีนี้ได้อีกด้วย

แม้จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี แต่อย่างลืมว่าหุ้นขนาดกลางเล็กจะมีความผันผวนด้านราคาสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ใครที่สนใจจะลงทุนกับ ASP-SME ต้องสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาได้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

และไม่แนะนำให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงไม่ได้ หรือรับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก ลงทุนกับกองทุน ASP-SME เพราะไม่เหมาะกับเป้าหมายหรือระดับความสามารถในการรับความเสี่ยงส่วนตัว

หากชื่นชอบไอเดียการลงทุนในหุ้นขนาดกลางเล็กแล้ว กองทุน ASP-SME และ ASP-SMELTF นับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่มาแรงในปีนี้ เพราะผลการดำเนินการโดดเด่นกว่า Benchmark และเป็นอันดับหนึ่งในกองทุนประเภทเดียวกัน

เพื่อน ๆ นักลงทุนคนไหน สนใจ และอยากมีกองทุนลักษณะนี้ติดอยู่ในพอร์ตเพื่อเป็นขุมพลังของการเติบโตในระยะยาว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. แอสเซท พลัส หรือ www.assetfund.co.th หรือดาวน์โหลด App ASP FUND ได้ทั้ง IOS และ android แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลเร็วๆก็ Customer Care โทร. 02-672-1111 ได้เลยจ้า