สำหรับนักลงทุนแล้วการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่แตกต่างกันนั้นเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เองแม้จะลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในพอร์ตของบัฟเฟตต์เองก็จะมีหุ้นกลุ่มหนึ่งที่ทุกปีจะคอยจ่ายปันผลให้เขาอย่างสม่ำเสมอ

หุ้นปันผล (Dividended Stocks) คือการลงทุนในหุ้นที่จะปันผลส่วนของกำไรคืนให้กับผู้ถือหุ้นอยู่เป็นประจำ (ของไทยก็มีนะครับซึ่งทาง aomMONEY ก็มักจะแชร์อยู่เรื่อย ๆ ครับ) อารมณ์มันคล้าย ๆ กับไปฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ยนั่นแหละครับ เพียงแต่ว่ามันจะมีความหวือหวา ขึ้นลงอยู่บ้างตามผลงานของธุรกิจในแต่ละช่วงเวลา

สำหรับนักลงทุนทั่วไปแล้วการถือหุ้นของบริษัทที่ปันผลสูงอยู่เป็นประจำ ก็ถือว่าเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะเป็นหุ้นที่ค่อนข้างนิ่ง รายได้เติบโตแบบที่ไม่กระโดดมาก ต่างจากหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่ขึ้นลงเหวี่ยงตามเศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ (แต่ตรงนี้ก็ยังต้องไปดูเรื่องงบการเงินต่าง ๆ ของบริษัทด้วยนะครับ เพราะต้องดูการจ่ายปันผลย้อนหลังและวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย)

ในปี 2023 มีการคาดการณ์โดยนิตยสาร Fortune ว่าคุณปู่บัฟเฟตต์จะได้รับปันผลราว ๆ 5,700 ล้านเหรียญ หรือราว ๆ 200,000 ล้านบาท จากหุ้นที่บริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของเขาถืออยู่

ซึ่ง 5 อันดับแรกของบริษัทที่จะปันผลให้กับเขามากที่สุดในปี 2023 คือ

1. Chevron (NYSE: CVX)

บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่พุ่งกระฉูดในปี 2022 จากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้รายได้โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนรวมในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 58% และบริษัทจ่ายเงินปันผล 5.68 เหรียญต่อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นในปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 10% ในปีนี้จนถึงตอนนี้เนื่องจากความผันผวนของตลาด อัตราเงินปันผลตอบแทนประจำปีของ Chevron อยู่ที่ 3.86% เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023 Chevron ได้เพิ่มเงินปันผลประจำไตรมาสจาก 1.42 เหรียญเป็น 1.51 เหรียญ ดังนั้นคาดว่าทั้งปีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลจะสูงกว่าปีที่แล้ว

2. Bank of America (NYSE: BAC)

ปีที่แล้ว Bank of America จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 0.86 เหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 0.78 เหรียญ ในปี 2021 แม้ว่าหุ้นจะร่วงลง 24% ท่ามกลางสภาพแวดล้อมตลาดหุ้นที่วุ่นวายก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประจำปีอยู่ที่ 3.21% และในเดือนกันยายน 2022 บริษัทได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสจาก 0.21 ดอลลาร์เป็น 0.22 ดอลลาร์ แม้ว่านับจากต้นปี หุ้นของลดลง 10% ท่ามกลางวิกฤตการธนาคารที่วุ่นวายก็ตาม

3. Apple (NASDAQ: AAPL)

หุ้นลูกรักของบัฟเฟตต์ในยุคหลัง ๆ ในปี 2022 Apple จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 0.91 เหรียญต่อหุ้น นับตั้งแต่ต้นปี 2023 มาหุ้นบริษัทขึ้นไปแล้วกว่า 30% ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2023 บริษัทเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเป็น 0.24 เหรียญจาก 0.23 เหรียญ แม้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่โควิดระบาดหนัก เดือนพฤศจิกายน 2020 บริษัทลดการจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสจาก 0.82 ดอลลาร์เป็น 0.205 เหรียญ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี

4. Coca-Cola (NYSE: KO)

เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งบัฟเฟตต์ชื่นชอบและถือมานานหลายปี ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโซดาจ่ายเงินปันผล 1.76 เหรียญต่อหุ้นในปีที่แล้ว และในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมด้วย ในวันที่ 16 มีนาคม 2023 บริษัทได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสจาก 0.44 เหรียญเป็น 0.46 เหรียญ

5. Kraft Heinz (NASDAQ: KHC)

Kraft Heinz บริษัทอาหารที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ในอเมริกา ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศไฮนซ์ที่เราทุกคนน่าจะรู้จักกันดี เมื่อปีที่แล้วจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้น 1.60 เหรียญต่อหุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 3.94% และบริษัทได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น $0.40 ต่อหุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาสตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019

แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็ยังมีความเสี่ยง แม้หุ้นปันผลจะมีความนิ่งและแน่นอนว่าหุ้นแบบอื่น ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่บริษัทเติบโตไม่ได้ตามเป้า ช้าไป เจอสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน อาจจะตัดสินใจชะลอการจ่ายปันผล ราคาหุ้นก็อาจจะร่วงลงมาได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่าถ้าจะลงทุนในหุ้นปันผลแบบเดียวกับบัฟเฟตต์ก็ต้องดูให้ดีว่าที่ผ่านมาทำได้ยังไง เจอวิกฤติอะไรบ้าง ผ่านมาได้ยังไง และต่อไปในอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พอจะคาดเดาได้รึเปล่าด้วย

https://fortune.com/2023/05/15/warren-buffet-dividend/