สำหรับวัยทำงานหลายคนเมื่อเริ่มทำงานมาสักระยะ พอจะมีเงินเก็บเป็นเงินก้อนขึ้นมาบ้างแล้ว ก้าวต่อไปของใครหลายๆ คน อาจจะเป็นการเลือกซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือซื้อ "คอนโด" เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นเสมือนรางวัลของการทำงานมาอย่างหนัก ยังช่วยทำให้เพื่อนๆ รู้สึกมีฐานะมั่นคงขึ้น โดยเฉพาะการมีบ้านหรือคอนโดที่ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ต่างจากรถยนต์ที่มีราคาค่าเสื่อมไปตามกาลเวลา

แต่ถ้าใครอ่านบทความนี้แล้ว จะวิ่งไปซื้อ "คอนโด" ในทันที aomMONEY ขอบอกเลยครับว่า “หยุดก่อน” เพราะคอนโดเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาก้อนใหญ่ การทำสัญญากู้ทำให้เรามีภาระในการผ่อนจ่ายยาวหลายปี และมีสภาพคล่องต่ำในการขายต่อเมื่อเทียบกับหุ้นหรือกองทุน เพราะฉะนั้นจะเลือกคอนโดสักที่ อยากให้คิดเป็น Step เบื้องต้นแบบนี้ก่อนครับ

1. ถามตัวเองก่อนว่า จะซื้อคอนโดนี้เพื่ออะไร?

ลองนั่งคุยกับตัวเองดีๆ ก่อนครับว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองจริงๆ หรือซื้อเพื่อลงทุน หากซื้อเพื่ออยู่เอง เช็กสักนิด ว่าทำเลของคอนโด อยู่ใกล้ที่ทำงานมั้ย ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนงานมั้ย หรือจะอยู่ที่นี่ตลอดไปมั้ย เพราะเรื่องทำเลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และวิธีเลือกทำเลคอนโดไม่ยากเลยครับ

โครงการคอนโดต้องมีการคมนาคมที่ดี : โครงการควรอยู่ติดถนนใหญ่ หรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า ไม่ห่างเกิน 500 เมตรจากจุดขึ้นลงรถไฟฟ้า หรือไม่ก็มีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่าน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางของเราเองครับ

โครงการคอนโดควรมีสภาพแวดล้อมที่ดี : เพื่อนๆ ต้องดูหน่อยครับว่าสภาพแวดล้อมของคอนโดเหมาะกับชีวิตประจำวันเรามั้ย รมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานหรือเปล่า เช่น มินิมาร์ท , 7-11 , โรงพยาบาล และที่สำคัญเพื่อนบ้านที่ดีครับ

โครงการคอนโดควรมีความปลอดภัยที่ดี : เราควรตรวจสอบความเป็นมาของโครงการคอนโด และระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่สำคัญถ้าตั้งอยู่ในซอยลึกซอยเปลี่ยว ก็อาจจะต้องกลับมาคิดกันหนักๆ เลยครับ

2. เช็กเงินในกระเป๋าก่อนว่า “เงินเดือนเราเท่านี้ มีความสามารถในการผ่อนเท่าไหร่?”

หลายคน ติดแต่ว่าเลือกคอนโดตามสเปคในฝัน แต่ลืมเช็กความสามารถในการผ่อนต่อเดือนของตัวเองครับ aomMONEY มีวิธีเช็กคร่าวๆ มาฝากกันว่า “เงินเดือนเท่านี้...มีความสามารถในการผ่อนต่อเดือนเท่าไหร่”

สูตร คือ เงินเดือน x 40% – หนี้สินที่มีอยู่ = ความสามารถผ่อนชำระ

ตัวอย่าง: สมมติว่า นาย ก. มีเงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท และมีภาระผ่อนรถยนต์เดือนละ 5,500 บาท เพราะฉะนั้น นาย ก. จะมีความสามารถในการผ่อนคอนโด คือ 25,000 x 40% – 5,500 = 4,500

เพราะฉะนั้น ด้วยภาระหนี้รถยนต์ที่มีอยู่แล้ว นาย ก. ควรผ่อนคอนโดต่อเดือน ไม่เกิน 4,500 บาท/เดือน

3. ต่อมา เช็คว่าความสามารถในการผ่อนเท่านี้ จะกู้เงินซื้อคอนโดได้เท่าไหร่?

โดยทั่วไปแล้ว จะใช้ สูตรคิด 1 ล้านบาท : 7,000 บาท หมายความว่า ถ้าคอนโดราคา 1 ล้านบาท จะมีอัตราผ่อนชำระประมาณ 7,000 บาท/เดือน หรือถ้าคอนโดราคาเพิ่มเป็น 2 ล้านบาท ก็จะมีอัตราผ่อนชำระประมาณ 14,000 บาท/เดือน

ดังนั้น วงเงินที่ธนาคารจะปล่อยกู้ให้ คือ (ความสามารถผ่อนชำระ x 1,000,000) ? 7,000 = วงเงินกู้สูงสุด

ตัวอย่าง : จากตัวอย่างข้างบน ที่ นาย ก. สมมติและลองคำนวณให้ดู นาย ก. มีความสามารถในการผ่อนชำระ ประมาณ 4,500 บาท/เดือน ใช่มั้ยครับ ดังนั้นธนาคารจะปล่อยกู้สูงสุดอยู่ที่ (4,500 x 1,000,000 ) ? 7,000 = 642,000 บาท

เพราะฉะนั้น ถ้า นาย ก. มีเงินเดือนละ 25,000 บาท มีภาระหนี้ผ่อนรถเดือนละ 5,500 บาท นาย ก.จะสามารถกู้เงินได้วงเงินกู้สูงสุด ประมาณ 642,000 บาทครับ ***งบเล็กน้อยน่ารัก คงต้องเป็นคอนโดต่างจังหวัด หรือไม่ก็คอนโดมือสองแล้วครับ

คำแนะนำจาก aomMONEY

“เครดิตการเงินของเรา” มีผลต่อการตัดสินใจปล่อยกู้ของแบงก์

“เครดิตการเงิน” เป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารจะใช้ดูว่าเพื่อนๆ มีพฤติกรรมการชำระหนี้เป็นอย่างไรครับ มีประวัติหนี้ดี หนี้เสียอย่างไรบ้าง มีพฤติกรรมทางการเงินที่ผ่านมาเป็นอย่างไร โดยเช็กได้จาก เครดิตบูโร เช่น บางคนเคยทำเรื่องผ่อนสินค้าทั้งหมด 6 งวด 0% ผ่อนตรงเวลามั้ย หรือว่าล่าช้า และยังมีอีกหลายปัจจัยที่ธนาคารจะดู เช่น การเสียภาษีอย่างถูกต้องทุกปี , ไม่มีประวัติการค้างชำระหนี้ , ทำงานมาอย่างน้อย 2 ปี , เงินในบัญชีมีความคล่องตัว และถ้าเพื่อนๆ เคยมีประวัติติดแบล็กลิสต์ก็อาจจะยากแล้วครับ เพราะฉะนั้นเครดิตการเงินของตัวเอง รักษามันให้ดีๆ ครับ

สุดท้ายอยากฝากไว้ว่าการซื้อคอนโดสักหลัง ไม่ควรตัดสินใจด้วยความรีบร้อน เพียงเพราะเพื่อนๆ คิดว่าตัวเองเอาอยู่ มีเงินผ่อนได้ แต่ควรคิดด้วยความรอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ซื้อ "คอนโด" ทั้งทีให้มันเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าทางการเงินและความสุขให้กับเราครับ อย่าให้มันเป็นสิ่งซื้อมาแล้ว แต่เรากลับต้องแบกด้วยความทุกข์เลย