หุ้นกลุ่มนิคม ถือเป็นหุ้นที่อยู่ในสปอร์ตไลท์ของหลายๆ คนในตอนนี้ เพราะมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เทรนด์การเติบโตของรถยนต์ EV ในไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หันมาตั้งโรงงานในไทยมากขึ้น

การย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังไทย จากความกังวลในเรื่องสงครามการค้าสหรัฐ-จีน (Trade War) ที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและการค้า โดยเฉพาะเรื่องกำแพงภาษี

นโยบายสนับสนุนของรัฐบาล เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ที่มีการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Incentive)

หรือนโยบายของพรรคก้าวไกลแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ปี 2566 ที่มีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางของการผลิตสินค้าเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้ทำให้กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มที่หลายคนสนใจ

ซึ่งในบ้านเราเมื่อกล่าวถึงนิคมอุตสาหกรรม หุ้นสองตัวที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือ WHA และ AMATA นิคม 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ บทความนี้จะพาไปเจาะผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 ดูกันว่าดีหรือไม่? สาเหตุเป็นเพราะอะไร? และแผนปี 2566 เป็นอย่างไรบ้าง? เผื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนกันนะคะ

1. WHA – บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

กำไรไตรมาส 1 ปี 2566 522.7 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน 20.33% (656. 7 ล้านบาท) แต่สาเหตุหลัก ไม่ได้มาจากรายได้ที่ลดลง เพราะที่จริงแล้วรายได้เพิ่มขึ้น 481.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31 % เลย

แล้วกำไรลดลงได้ยังไง? ลองมาแกะรายได้ของ WHA กันต่อก็พบว่า

WHA มีรายได้จากการดำเนินงาน 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 51%
2. รายได้จากการให้เช่าและบริการ คิดเป็นสัดส่วน 25%
3. รายได้จากการขายสินค้า 24%

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 มาจาก รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นรายได้ที่มีสัดส่วนมากที่สุด เพิ่มขึ้น 398 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม

เราจะเห็นว่ากำไรที่ลดลง ไม่ได้มาจากรายได้จากการดำเนินงานปกติที่ลดลง แต่มาจากรายได้อื่นลดลง 459 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 80 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงนั้นมีกำไรพิเศษจากการจำหน่ายทรัพย์สินของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ 2 ที่ รวม 344.6 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2566 ไม่มีการรับรู้รายได้ในส่วนนี้

โดยสรุปแล้ว ในความเห็นส่วนตัว มองว่า การที่กำไรของ WHA ลดลง จากสาเหตุหลักคือกำไรพิเศษที่เกิดครั้งคราวลดลง ไม่ได้มาจากรายได้จากการดำเนินงานปกติลดลงนั้น สะท้อนว่า ‘สุขภาพการเงินของ WHA ยังดีอยู่นั่นเอง’

มาดูแผนในปี 2566 ของ WHA กันบ้าง..

ปัจจุบัน WHA Group ทีพื้นที่นิคม 71,000 ไร่ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 12 แห่ง ที่อยู่ระหว่างดําเนินการในประเทศไทย จํานวน 11 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง

ผู้บริหารได้ตั้งเป้าในการขายที่ดินใน 2566 จำนวน 1,750 ไร่ แบ่งเป็นในไทยจำนวน 1,200 ไร่ และในเวียดนาม จำนวน 550 ไร่ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พอๆกับปีก่อน ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ประมาณ 1,700 ไร่-1,800 ไร่

โดยในไตรมาส 1 ปี 2566 นี้ WHA มียอดขายที่ดินทั้งหมด 490 ไร่ คิดเป็นสัดส่วน 28% ของยอดขายที่ได้ตั้งเป้าไว้ (ที่ดินในไทย 380 ไร่ และ เวียดนาม 110 ไร่ คิดเป็นสัดส่วน 32% และ 20% ของยอดขายที่ได้ตั้งเป้าไว้ตามลำดับ)

ปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะทำให้ WHA มียอดขายที่เติบโตขึ้นได้ มาจากการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ จากจีน มายังไทย หรือ เวียดนาม ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน จากความกังวลเรื่อง Trade War โดยจากข้อมูลปี 2565จะพบว่า WHA มีลูกค้าใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค คิดเป็นสัดส่วน 26%
ยานยนต์ คิดเป็นสัดส่วน 21%
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นสัดส่วน 17%

อย่างก็ตาม WHA อาจทะลุเป้าที่ได้ตั้งไว้ ถ้าได้ดีลลูกค้ารายใหญ่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (รถยนต์ EV) ซึ่งตรงนี้ก็ยังคงต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่เซ็นต์สัญญาซื้อขายภายในปลายปีนี้อีก 500-600 ไร่

2. AMATA - บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)

กำไรไตรมาส 1 ปี 2566 491.98 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 11.11% (533.47 ล้านบาท)

สาเหตุหลักไม่ได้มากจากรายได้ลดลงเช่นกัน เพราะรายได้จากการดำเนินงานรวมสุทธิเพิ่มขึ้น 1,096 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 105 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

เมื่อมาดูโครงสร้างรายได้จากการดำเนินงานของ AMATA พบว่า ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ

1. รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 55%
2. รายได้จากค่าสาธารณูปโภค 35%
3. รายได้จากจากการให้เช่า 10%

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 มาจาก รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นรายได้ที่มีสัดส่วนมากที่สุด เพิ่มขึ้น 913 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 336% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

เพราะฉะนั้นกำไรที่ลดลง ไม่ได้มาจากรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลงเช่นกัน แต่มาจากกำไรพิเศษจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนลดลง 627.9 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2566 ไม่มีกำไรในส่วนนี้ (ลดลง 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)

โดยสรุปแล้ว กรณีของ AMATA ก็จะคล้ายกับ WHA ที่มีกำไรลดลง จากสาเหตุหลักคือกำไรพิเศษที่เกิดครั้งคราวลดลง ไม่ได้มาจากรายได้จากการดำเนินงานปกติลดลง นั่นสะท้อนว่า ‘สุขภาพการเงินของ AMATA ยังดีอยู่เช่นกันนั่นเอง’

มาดูแผนการขายที่ดินปี 2566 ของ AMATA กันต่อ ...

ปัจจุบัน AMATA มีพื้นที่นิคมทั้งสิ้นประมาณ 90,727 ไร่ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 5 แห่ง อยู่ในไทย 2 แห่ง (อมตะซิตี้ระยอง และอมตะซิตี้ชลบุรี) และ เวียดนาม 3 แห่ง (อยู่ระหว่างดำเนินการ 1 แห่ง)

ผู้บริหารได้ตั้งเป้าในการขายที่ดินใน 2566 นี้ จำนวน 2,250 ไร่ (แบ่งเป็นที่ไทย 1,500 ไร่ และ เวียดนาม 750 ไร่ เติบโต 131% และ224% เทียบกับปีก่อนตามลำดับ)

ในไตรมาส 1 ปี 66 AMATA ขายที่ดินได้ 310 ไร่ คิดเป็นสัดส่วน 14 % ของเป้ายอดขายรายได้รวม (อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด) หลักๆมาจากกลุ่มลูกค้าจีน ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะทำให้ AMATA มียอดขายที่เติบโตขึ้นได้ คือเรื่อง การเปิดประเทศของจีน และการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทยจากความกังวลเรื่อง Trade War เพราะลูกค้าจีน ถือเป็นลูกค้าหลักของ AMATA (ในนิคมระยอง ลูกค้าหลัก คือประเทศจีน คิดเป็นสัดส่วน 36% ในนิคมชลบุรี ลูกค้าหลัก คือ ประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วน 56%)

อย่างไรก็ตาม AMATA คาดว่าในปี 2566 จะเริ่มมียอดขายที่ดินจากนิคมฯ ใหม่ในประเทศ สปป.ลาว เข้ามา 200-300 ไร่ อีกด้วย

แม้กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะเป็นกลุ่มหุ้นที่น่าจับตามอง เพราะมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในหลายๆปัจจัยแต่ก็ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ที่นักลงทุนคงต้องเฝ้าระวังอยู่ เช่น ปัจจัยเศรษฐกิจโลก ที่อาจมีความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในไทยก็อาจน้อยลง ความไม่แน่นอนในเรื่องของการเมือง ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และความเสี่ยงของธุรกิจเอง ที่ยังมีความเสี่ยงเรื่องการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม ทำให้ดีลลูกค้าที่คิดว่าจะได้ อาจจะไม่ได้ ส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าได้นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนยังคงต้องศึกษาข้อมูลและติดตามข้อมูลต่างๆ เช่น ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เราสนใจอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ

เขียนและเรียบเรียงโดย : พัทธนันท์ เตชะเสน (Investment Frappe)

อ้างอิง :

- https://investor.amata.com/th/downloa..

- https://wha-th.listedcompany.com/mdna...