ถ้าอยากมั่งคั่ง ความรู้เรื่องตัวเลขการเงินในชีวิตของเราเป็นสิ่งสำคัญ ค่าอาหารต่อเดือนเราจ่ายไปเท่าไหร่ กินข้าวนอกบ้าน ซื้อของจิปาถะ ค่าน้ำมัน หรือแม้แต่ค่ากาแฟในแต่ละวัน ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าสำคัญทั้งสิ้น

เมื่อประมาณอาทิตย์ทางเพจ aomMONEY ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการทำงบการเงินไป ก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์ค่อนข้างหลากหลาย บางคนก็บอกทำอยู่ตลอด บางคนก็บอกว่าหาเงินเยอะขึ้นก็พอแล้ว หรืออีกส่วนหนึ่งก็บอกว่าไม่กล้าที่จะทำ (หรือแม้แต่มอง) ด้วยซ้ำ เพราะกลัวรู้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง

กลุ่มหลังค่อนข้างอันตราย แม้จะเข้าใจได้ครับว่าเรื่องการเงินนั้นเป็นเรื่องน่าลำบากใจได้บ้าง โดยเฉพาะในตอนนี้การเงินไม่ค่อยดี ฝืดเคือง ชักหน้าก็ไม่ถึงค่อยถึงหลังอยู่แล้ว มันก็ง่ายกว่ามากถ้ามองข้ามมันไปเลย แบบทำเหมือนว่ามันไม่เคยมีอยู่แบบนั้น

แต่มันมีตัวเลขหนึ่งที่อย่างน้อย ๆ เราควรจะเริ่มให้ความสนใจถ้าอยากกลับมาเดินบนเส้นทางแห่งความมั่งคั่งอีกครั้ง นั่นก็คือ ‘เงินคงเหลือสุทธิ’ หรือ รายรับทั้งหมด - รายจ่ายทั้งหมด ของคุณคือเท่าไหร่ต่อเดือน?

ฟังดูไม่ยากใช่ไหมครับ? แต่หลายคนไม่สนใจหรือไม่รู้เลยนะว่าแต่ละเดือนของตัวเองเงินเหลือเท่าไหร่ แล้วเราก็เริ่มได้เลยแค่มีสมุดสักเล่มและปากกาสักแท่งแค่นั้นเลย

1. รายได้

อันนี้เป็นเงินรายรับที่เข้ามาในบัญชีของคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานเสริม OT หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นเงินที่เข้ามา

ถ้ามันไม่เท่ากันทุกเดือน ให้เอารายได้ 6 เดือนที่ผ่านมารวมกันแล้วเฉลี่ยก็ได้ครับ (หรืออาจจะเป็นปีเลยก็ได้) หลังจากนั้นเราจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่าแต่ละเดือนมีเงินเข้ามาเท่าไหร่

(ตรงนี้หลายคนอาจจะบอกว่าต้องแบ่งเงินเพื่อไปลงทุนหรือเก็บก่อนรึเปล่า? เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นครับ เดี๋ยวเรามาตัดสินใจตอนได้ตัวเลข ‘เงินคงเหลือสุทธิ’ ทีหลัง)

2. รายจ่าย

เรารู้ครับว่าชีวิตมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก ๆ บางทีจ่ายไปเราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ (หรือจ่ายไปเท่าไหร่ก็จำไม่ได้) เดี๋ยวผมจะลิสต์เป็นหมวดหมู่ให้เพื่อจะง่ายในการจดนะครับ (อย่าเพิ่งเป็นลมนะ)

- ที่อยู่อาศัย (ค่าเช่า หรือ ค่าผ่อนบ้าน)
- ค่าผ่อนรถ
- หนี้การศึกษา
- หนี้บัตรเครดิต
- ค่าน้ำ / ค่าไฟ / ค่าเก็บขยะ / ค่าส่วนกลาง
- ค่าเทอมลูก
- ค่าเรียนพิเศษลูก
- ค่าซ่อมบำรุงบ้านและยานพาหนะ
- ค่ารักษาพยาบาล
- ค่าประกัน (ชีวิต, อุบัติเหตุ ฯลฯ)
- เงินค่าขนมลูกไปโรงเรียน
- ค่าดูแลสัตว์เลี้ยง
- อินเทอร์เน็ต
- ค่าโทรศัพท์
- ค่าอาหารและซื้อของเข้าบ้าน
- ทานข้าวนอกบ้าน
- ค่าโดยสาร (น้ำมัน / ค่าที่จอดรถ / ค่าประกัน ฯลฯ)
- ความบันเทิง (ดูหนัง / สมาชิกรายเดือนสตรีมมิ่ง / เกม / ท่องเที่ยวฯลฯ)
- ชอปปิง ซื้อของ เสื้อผ้า
- รายจ่ายอื่น ๆ (งานอดิเรก, ดูแลตัวเอง, เครื่องสำอาง ฯลฯ)
- ของขวัญ / บริจาค

แล้วเงินคงเหลือสุทธิบอกอะไรกับเราบ้าง?

ทีนี้มาดูกันครับว่าเงินคงเหลือสุทธิของคุณเป็นยังไงบ้าง บวกไหม? หรือติดลบตัวแดง?

ตอนนี้ถ้าเป็นบวก ยินดีด้วยครับ คุณกำลังอยู่บนเส้นทางที่ถือว่าดีมาก ๆ ครับ ทีนี้มาดูกันว่าเราจะใช้เงินที่เหลือเป็นบวกนี้ยังไงให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อย่างแรกถ้ายังไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินให้เริ่มตรงนี้ก่อน เก็บเงินให้ได้เท่ากับรายจ่ายทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือนไว้เผื่อเหตุการณ์ร้าย ๆ ในชีวิตเกิดขึ้น (ตกงานหรือมีความเปลี่ยนแปลง) เช่นมีรายจ่ายเดือนละ 30,000 บาท ก็ต้องเก็บให้ได้ 180,000 บาท ในบัญชีกันไว้ก่อน

หลังจากนั้นพยายามเคลียร์หนี้ให้หมดครับ อย่าก่อหนี้เพิ่ม แล้วเอาหนี้เก่าออกมากางว่ามีอะไรบ้าง โปะก้อนที่น้อยที่สุดก่อน พอหมดก็ไปโปะก้อนที่ใหญ่ขึ้นในเดือนถัด ๆ ไป จังหวะนี้อาจจะเริ่มหาความรู้เรื่องลงทุนบ้าง ลองสร้างนิสัยการลงทุน ลงทุนเป็นประจำทุก ๆ เดือน เริ่มเดือนละ 500, 1000 บาท แล้วก็ขยับขึ้นเรื่อย ๆ ตามรายได้ที่มากขึ้นและหนี้ที่น้อยลง

ซึ่งต่อไปเราจะสามารถ หักเงินลงทุนออกได้ก่อนเลยตั้งแต่เงินเข้า เพราะรู้แล้วว่าเงินที่เหลือเพียงพอที่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือนอยู่แล้ว

ทีนี้ถ้าตัวเลขเป็นลบล่ะ? อย่าเพิ่งใจเสียครับ ให้ถามตัวเองว่า

1. ค่าใช้จ่ายอะไรที่ลดได้บ้าง?

เอาลิสต์ข้างบนมากางใหม่ครับ ดูว่าติดลบเท่าไหร่ มีอันไหนบ้างที่เราลดได้ Netflix จำเป็นไหม? Disney+, HBO, Amazon Prime อีก ต้องมีเยอะขนาดนั้นไหม หรือเสื้อผ้าต้องซื้อใหม่ทุกเดือนเหรอ หรือลดความเร็วเน็ตมือถือลงได้ไหม ใช้แพลนที่ถูกลงมาหน่อย เน็ตที่บ้านจำเป็นจริง ๆ รึเปล่า? หรือเราก็ใช้แค่มือถือได้? กาแฟมีร้านไหนที่รสชาติอร่อยแล้วราคาถูกกว่าไหม? ฯลฯ

นี่คือการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตครับ เรารู้ว่าค่าบ้าน รถ หนี้ ค่าเทอมลูก ค่าอาหารซื้อเข้าบ้าน เป็นสิ่งจำเป็น อาจจะลดบางส่วนได้นิดหน่อยแต่คงไม่มาก แต่มันก็จะมีอีกหลายอันที่พอจะขยับได้ เพราะฉะนั้นลงดูว่าอันไหนที่ตัดได้ก็ตัดไปก่อน

2. หาเงินเพิ่มได้ยังไงบ้าง?

ดูว่าเรามีความสามารถอะไรที่จะไปแก้ปัญหาให้คนอื่นได้บ้าง เราเล่นกีต้าเป็นเหรอ? เปิดสอนกีต้าไหม? เราพูดจีนได้? หรือสอนคลาสออนไลน์ดี? หรือบางทีอาจจะมีเวลาว่างตอนเย็น แล้วร้านขายของชำหน้าปากซอยกำลังหาพนักงานเฝ้าร้านช่วงกะเย็น? ฯลฯ

นี่เป็นการนั่งประเมินตัวเองครับว่าเรามีอะไรที่ยังพอทำได้บ้าง ขยับตำแหน่งในบริษัท หางานใหม่ที่เงินเดือนสูงขึ้น หรือบางทีลองเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องลงทุนออนไลน์ได้ไหมนะ?

อย่างที่บอกครับว่ามันเป็นเรื่องที่ลำบากใจในการมานั่งดูตัวเลขเหล่านี้ เครียดด้วย แต่เป็นเรื่องจำเป็น แนะนำให้ทำครับ เพราะมันจะช่วยทำให้เห็นภาพใหญ่ว่าชีวิตกำลังไปทางไหน และที่สำคัญช่วยในการตัดสินใจในการใช้เงินในชีวิตของเราทุก ๆ วันด้วยครับ