หลังการสั่นสะเทือนแฟนบอลลิเวอร์พูล (Liverpool FC) ทั่วโลกด้วยการประกาศลาออกหลังจบฤดูกาลนี้ของยอดผู้จัดการทีมชาวเยอรมันวัย 56 ปีของลิเวอร์พูลอย่าง ‘เจอร์เกน คล็อปป์’ (Jürgen Klopp #JK ) ก็ปลอบใจแฟนบอลด้วยการพาทีมไปคว้าชัยชนะเหนือเชลซี ก้าวสู่การเป็นแชมป์คาราบาวคัพ (ลีกคัพ) ปีนี้ได้เป็นผลสำเร็จ และยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ที่เหลือทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรปาลีก อีกด้วย

นอกจากเจอร์เกน คล็อปป์ จะเป็นกุนซือผู้ปลุกเครื่องจักรสีแดงให้เป็นทีมที่เล่นอย่างเร้าใจ เกมรุกดุดันได้ใจกองเชียร์แล้ว อีกสิ่งที่ทำได้ดีไม่แพ้กันคือการสร้างรายได้ ผลกำไร และสถิติมากมายให้สโมสรด้วย

วันนี้ aomMONEY จะพาไปดูตัวเลขน่าสนใจที่กุนซือฉายา ‘The Normal One’ ผู้นี้ทำไว้ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้ามาเป็นผู้นำของเหล่า #เดอะค็อป (The Kop)

📌 13,400 ล้านบาท

ก่อนอื่นมาดูตัวเลขที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของลิเวอร์พูลยุคนี้ เมื่อ ‘เฟนเวย์สปอร์ตส์ กรุ๊ป’(Fenway Sports Group #FSG) เข้าซื้อสโมสรลิเวอร์พูลต่อจาก ‘จอร์จ ยิลเล็ตต์’ (George Gillett) และ ‘ทอม ฮิกส์’ (Thomas Hicks Sr.) เมื่อ15 ตุลาคม 2010 ด้วยมูลค่ากว่า 13,400 ล้านบาท (345 ล้านยูโร)

อีก 5 ปีต่อมา FSG ก็จัดการคว้า ‘เจอร์เกน คล็อปป์’ ที่พึ่งลาออกจากการคุมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์(Borussia Dortmund) ยอดทีมในบุนเดสลีกาเยอรมัน ในฤดูกาล 2015-2016

🏆 8 ปี 8 ถ้วยรางวัล

การเข้ามาของเจอร์เกน คล็อปป์ ปลุกชีพหงส์แดงขึ้นมา โดยเขานำทีมคว้า 8 แชมป์ นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม

ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, เอฟเอ คัพ, แชมป์สโมสรโลก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, คอมมูนิตี ชิลด์ และ คาราบาว คัพ (ลีกคัพ) 2 สมัย

รวมถึงมีการพลาดแชมป์ที่ทำเอาแฟนๆ น้ำตาตกในบ่นเสียดายกันไม่น้อย กับการแพ้ในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกถึง 2 ครั้งต่อ ‘เรอัล มาดริด’ (Real Madrid)

และการเป็นอันดับที่ 2 พรีเมียร์ลีกที่มีแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 97 คะแนน แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) คู่ปรับเบอร์ 1 ที่ได้ 98 แต้ม และคว้าแชมป์ไปครอง ในฤดูกาล 2018-2019

⚽ 36,000 ล้านบาท

เจอร์เกน คล็อปป์ เป็นกุนซือที่ได้ชื่อว่าให้โอกาสดาวรุ่งที่สุดคนหนึ่ง

นั่นทำให้เขาไม่ค่อยมีข่าวการใช้เงินทุ่มนักเตะ โดยตลอดระยะเวลา 8 ปีกว่าที่คุมสโมสรแห่งนี้ JK ใช้เงินซื้อนักเตะไปประมาณ 36,000 ล้านบาท (928 ล้านยูโร) เฉลี่ย 4,000 ล้านบาท (103 ล้านยูโร) ต่อฤดูกาล ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย

แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ของ ‘เป็ป กวาดิโอล่า’ (Josep ‘Pep’ Guardiola) ที่ใช้ไป 58,500 ล้านบาท (1,505 ล้านยูโร) โดย 8 ฤดูกาลล่าสุดของเรือใบสีฟ้า มีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่ใช้เงินน้อยกว่า 5,400 ล้านบาท (138 ล้านยูโร)

โดยนักเตะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ซื้อมาราคาสูงที่สุด 3 คน ได้แก่

1 ดาร์วิน นูญเญช (Darwin Núñez) 3,500 ล้านบาท (90 ล้านยูโร) กองหน้าสุดร้อนแรงจาก ‘เบนฟิกา’ (Benfica) ทีมจากลีกโปรตุเกส

2 เวอร์จิล ฟานไดจ์ค (Virgil van Dijk) 3,300 ล้านบาท (85 ล้านยูโร) กองหลังกัปตันทีมชาวเนเธอร์แลนด์ของ ‘เซาแธมป์ตัน’ (Southampton)

3 อลิสซอน เบ็กเกอร์ (Alisson Becker) 2,850 ล้านบาท (73 ล้านยูโร) ผู้รักษาประตูชาวบราซิลจากสโมสร ‘โรมา’ (Roma) ในอิตาลี

นอกจากนี้ นักเตะที่ได้รับการโหวตว่าคุ้มค่าที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ ‘โมฮัมเหม็ด ซาลาห์’ (Mohamed Salah) ที่ย้ายจากโรมา มาที่ลิเวอร์พูลเมื่อปี 2017 ในราคาเพียง 2,000 ล้านบาท (52 ล้านยูโร)

ส่วนสถิติการขายนักเตะในยุคของเจอร์เกน คล็อปป์นั้น ทำรายได้ไป 22,800 ล้านบาท (584 ล้านยูโร)

ซึ่งเท่ากับว่า JK ขาดทุนจากการซื้อขายนักเตะไป 13,350 ล้านบาท (-343 ล้านยูโร)

โดยฤดูกาลที่คล็อปป์ทำเงินจากการขายนักเตะได้มากที่สุดคือ ฤดูกาล 2017-2018 ที่ทำรายได้กว่า 8,500 ล้านบาท (218 ล้านยูโร) โดยนักเตะที่ขายได้ราคาสูงที่สุด 3 คนในยุค JK ได้แก่

1 ฟิลิปป์ คูตินโญ (Philippe Coutinho) กองกลางชาวบราซิล โดยขายให้ ‘บาร์เซโลนา’ (Barcelona) ยอดทีมจากสเปนไปด้วยราคา 4,700 ล้านบาท (120 ล้านยูโร)

2 ซาดิโอ มาเน (Sadio Mané) กองหน้าชาวเซเนกัลถูกขายให้ ‘บาเยิร์น มิวนิค’ (Bayern Munich) ในลีกเยอรมันไป 1,600 ล้านบาท (41 ล้านยูโร)

3 คริสติย็อง เบนเตเก้ (Christian Benteke) กองหน้าชาวเบลเยียมถูกขายให้ คริสตัล พาเลช (Crystal Palace) ไปด้วยราคา 1,250 ล้านบาท (32 ล้านยูโร)

💰 191,240 ล้านบาท

ปัจจุบันสโมสรลิเวอร์พูลมีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก จากการจัดอันดับของ #Forbes โดยมีมูลค่ากว่า 191,240 ล้านบาท (4,900 ล้านยูโร) โดยเป็นรองเพียงแค่

เรอัล มาดริด ที่มีมูลค่า 236,900 ล้านบาท (6,070 ล้านยูโร)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ที่มีมูลค่า 234,000 ล้านบาท (6,000 ล้านยูโร)

บาร์เซโลนา 226,000 ล้านบาท (5,800 ล้านยูโร)

โดยมูลค่าของสโมสรลิเวอร์พูล เพิ่มขึ้นจากปี 2015 ที่คล็อปป์เข้ามาทำทีมกว่า 156,000 ล้านบาท (4,000 ล้านยูโร) โดยตอนนั้น ลิเวอร์พูลมีมูลค่าเพียง 35,400 ล้านบาท (907 ล้านยูโร) เท่านั้น

👍 132 ล้านผู้ติดตาม

นอกจากตัวชี้วัดที่เป็นโทรฟีแชมป์รายการต่างๆ รายได้ มูลค่าสโมสรแล้ว ยอดผู้ติดตามทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญด้วยเช่นกัน

โดยผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียหลักของสโมสรลิเวอร์พูลรวมกันมากกว่า 132 ล้านคน แบ่งเป็น

เฟซบุ๊ก (Facebook) 46 ล้านคน
อินสตาแกรม (Instragram) 44 ล้านคน
X (Twitter) 24 ล้านคน
ติ๊กต็อก (Tiktok) 17 ล้านคน

ซึ่งถือว่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีคนติดตามสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่านับตั้งแต่ที่คล็อปก้าวเข้ามาคุมทีม

โดยทีม 3 ทีมที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกตอนนี้ ได้แก่ เรอัด มาดริด (360 ล้านคน), บาร์เซโลนา (319 ล้านคน) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (207 ล้านคน)

ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกมากมายที่เจอร์เกน คล็อปป์ทำร่วมกับสโมสรแห่งนี้ และเชื่อว่าในฤดูกาลสุดท้ายของเขา ก็น่าจะมีสถิติใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งไม่มากก็น้อยก็คงทำให้แฟนบอลหงส์แดงเสียดายสุดยอดผู้จัดการทีมคนนี้

และด้วยความสำเร็จที่เจอร์เกน คล็อปป์ทำไว้ น่าจะเป็นแรงกดดันมหาศาลกับผู้จัดการคนใหม่ (ซึ่งข่าวลือตอนนี้ทางฝั่งแฟนลิเวอร์พูลก็หวังว่าจะเป็น ‘ชาบี อาลอนโซ’ (Xabier Alonso)) ที่จะเข้ามารับหน้าที่ต่ออย่างแน่นอน

แต่ก่อนจะถึงวันที่เจอร์เกน คล็อปป์ก้าวออกไปจากถิ่นแอนฟิลด์ เชื่อว่า The Kop ทุกคนต่างเอาใจช่วยให้ลิเวอร์พูลและ JK สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนนี้ลิเวอร์พูลยังมีโอกาสในการคว้าแชมป์ครบในทุกถ้วยที่พวกเขาลงสนาม