9 เม.ย. 2567 ถือเป็นวันสุดท้ายของการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ หากใครลืมหรือยังไม่ได้ยื่นภาษีก็สามารถเข้าไปยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีข้อมูลได้ที่ www.rd.go.th เพราะหากยื่นเกินระยะเวลาที่กำหนด หรือยื่นไม่ถูกต้องก็จะมีโทษตามมาได้
โดยโทษตามประมวลรัษฎากรนั้น สามารถแบ่งเป็นกรณีทางแพ่งได้ ดังนี้
กรณีไม่ยื่นภาษีเงินได้ฯ
เจ้าพนักงานประเมินจะออกหมายเรียกมาไต่สวน หรือสั่งให้นำพยาน บัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นมาแสดงเพื่อตรวจสอบ และประเมินให้ถูกต้องตามพยานหลักฐานที่ปรากฎหรือประเมินตามที่รู้ว่าถูกต้อง ซึ่งผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิด เสียเบี้ยปรับสองเท่าของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ นอกจากนี้ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน2000บาท จากการไม่ยื่นแบบเสียภาษีภายในเวลาที่กำหนดไว้
นอกจากเบี้ยปรับตามแต่กรณีที่กล่าวมาแล้ว ผู้ต้องเสียภาษีเงินได้ต้องเสียเงินเพิ่ม อีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน ของเงินภาษีที่ต้องเสียโดยไม่รวมเบี้ยปรับ แต่เงินเพิ่มนั้นไม่เกินจำนวนภาษีทั้งหมดที่ต้องเสีย
กรณียื่นภาษีเงินได้ฯแล้ว แต่ไม่ถูกต้อง
เจ้าพนักงานประเมินจะออกหมายเรียกมาไต่สวน หรือสั่งให้นำพยาน บัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นมาแสดงเพื่อตรวจสอบ และประเมินให้ถูกต้องตามพยานหลักฐานที่ปรากฎหรือประเมินตามที่รู้ว่าถูกต้อง ซึ่งผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิด เสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
นอกจากบทลงโทษทางแพ่งแล้ว ยังมีกรณีที่เข้าข่ายบทลงโทษทางอาญาด้วย ดังนี้
1. กรณีจงใจ ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรือ ไม่ยอมตอบคำถาม เมื่อซักถาม
• โทษ: ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือ ปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. กรณีเจตนา แจ้งข้อความเท็จ ให้ถ้อยคำเท็จ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง หรือโดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร หรือขอคืนภาษีอากร
• โทษ: ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปีและ ปรับตั้งแต่สองพันถึงสองแสนบาท
3. กรณีเจตนา ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร
•โทษ: ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงไม่แสดงรายการเสียภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีไม่ถูกต้องที่มีจำนวนตั้งแต่สิบล้านบาทต่อปีภาษีขี้นไป รวมทั้งการขอคืนเงินภาษีอากรที่มีจำนวนตั้งแต่สองล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป โดยกระทำในลักษณะที่เป็นกระบวนการหรือเป็นเครือข่าย และมีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ให้ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ตรีอย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 8/2564 มีคำวินิจฉัยว่าบทบัญญัติดังกล่าวเพิ่มภาระและจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินสมควรแก่เหตุจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 37 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ดังนั้นประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ตรี ที่ให้ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจึงไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป
การวางแผนภาษีมีความจำเป็นต่อการบริหารกระแสเงินสดและความมั่งคั่งของบุคคล เพื่อให้เกิดความมั่นคงและตอบสนองต่อความต้องการและเป้าหมายในชีวิต
แต่อย่างไรก็ตามการวางแผนภาษีต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่วางแผนด้วยการหลบหลีก (Avoidance) คืออาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย หรือหลีกเลี่ยง (Evasion) คือใช้วิธีที่ผิดกฎหมาย
เพราะนอกจากจะมีบทลงโทษทางแพ่งด้วยการเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้ว ยังมีบทลงโทษทางอาญาที่มีโทษจำคุก ส่งผลต่อความมั่นคงและกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการในชีวิตอย่างแน่นอน ดังนั้นการวางแผนภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายกำหนดจึงมีความสำคัญและเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล
เขียนโดย: ยุทธภูมิ เกียรติอุ้มสม นักวางแผนการเงิน CFP®