ปี 2566 นี้เป็นปีที่ประเทศไทยกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองหาการลงทุนในธีมท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งหนึ่งในทางเลือกดังกล่าว ต้องยอมรับว่าการลงทุนในกลุ่มกองอสังหาฯ หรือ กองรีทในกลุ่มโรงแรมก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ได้รับเงินปันผลดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ LHHOTEL ที่เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในกองอสังหาฯ/กองรีทระดับท็อปในกลุ่มโรงแรม จากผลประกอบการที่กลับมาได้อย่างแข็งแรง โดยในช่วง 8.5 เดือนแรกของปีนี้ จ่ายปันผลไปแล้วกว่า 0.88 บาทต่อหน่วย

LHHOTEL หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล เป็นกองรีทโรงแรมที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในประเทศไทย และมี บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) เป็นบริษัทผู้พัฒนาและบริหารทรัพย์สิน อีกทั้งยังมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด  (LH Fund) ที่มีประสบการณ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มายาวนานเป็นผู้บริหารจัดการกองทรัสต์ โดย LHHOTEL มุ่งเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมระดับบนที่มีศักยภาพสูง และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

ในปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าลงทุนในสิทธิการเช่าและเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ อยู่ 3 แห่ง ได้แก่

  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 
  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ
  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55

จะเห็นได้ว่าแต่ละทำเลนั้นอยู่กลางใจเมืองย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ เป็นทำเลระดับพรีเมียม เหมาะกับการรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนและใช้ไลฟ์สไตล์ดี ๆ ในประเทศไทย โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2566 ทั้ง 3 โครงการมีรายได้รวม ดังนี้

  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 รายได้รวม 463.5 ล้านบาท
  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ รายได้รวม 418.9 ล้านบาท
  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 รายได้รวม 309.7 ล้านบาท

ที่ผ่านมาทางกองทรัสต์ได้ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการจ่ายปันผลปี 2566 ในช่วง 8 เดือนครึ่งจากกำไรสุทธิ สูงถึง 0.88 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจมากเมื่อเทียบกับราคาตลาดปัจจุบัน

นอกจากนี้ LHHOTEL ยังเตรียมลงทุนเพิ่มในโรงแรมระดับ 5 ดาวอีก 2 โครงการ ในทำเลที่โดดเด่น ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวใจกลางเมืองพัทยา ได้แก่

  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา 
  • โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา

ซึ่งทั้ง 2 โครงการนับเป็นโรงแรมศักยภาพสูง เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลทอง ล้อมรอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวของพัทยาแล้ว แต่ละโครงการยังมีจุดแข็งและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกันกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง ส่วนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ตกแต่งด้วยธีมอวกาศ มีโซนสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำอวกาศ Space Water Park ขนาดใหญ่กว่า 12,000 ตารางเมตร มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่สุดทันสมัย  สปาและออนเซ็นวิวทะเลแห่งแรกของประเทศไทย

ไม่เพียงเท่านั้น ทั้ง 2 โครงการยังมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 สูงถึง 91% หรือพูดได้ว่ามีคนเข้าพักแทบจะเต็มตลอดเวลา ทำให้การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของกองทรัสต์ ขยายฐานลูกค้า สร้างรายได้ และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ลงทุนเพิ่มเติม แถมเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนจากทรัพย์สินเดิมที่ตั้งอยู่เพียงในกรุงเทพฯ ปัจจัยสำคัญที่เลือกเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมพัทยา เนื่องจากพัทยาเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเติบโตสูงมากในอนาคต และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีเสน่ห์ มีชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนสูงเป็นอันดับที่ 15 ของโลก เป็นสถานที่จัดกิจกรรม, คอนเสิร์ต, และเทศกาลต่าง ๆ คึกคักเกือบตลอดทั้งปี ไม่มีผลกระทบของฤดูท่องเที่ยว (Seasonal effect) อย่างเมืองท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ เช่น ภูเก็ต สมุย เป็นต้น ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาขับรถเพียง 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น

อีกทั้งพัทยายังอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ที่จะมีการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบิน โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภา ที่มีการขยายพื้นที่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากประมาณ 800,000 คน เพิ่มเป็นประมาณ 3,000,000 คนต่อปี ทำให้คนมากมายจะหลั่งไหลเข้ามาทำงานและท่องเที่ยวในพัทยามากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผลการดำเนินงานของโรงแรมที่พัทยาเช่นกัน

เมื่อบวกกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้งสองโรงแรมที่เข้าลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็น อย่างดีต่อนักลงทุนทุกคนได้

กอง REIT นี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม สามารถรับความเสี่ยงในระดับปานกลางถึงสูง และต้องการรับรายได้อย่างสม่ำเสมอจากการจ่ายเงินปันผล

LHHOTEL จะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน เพื่อลงทุนใน 2 โรงแรมที่มีศักยภาพสูงจากบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ในกลุ่มบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) พร้อมประมาณการผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนสูงถึง 10.5%  (1)

รายละเอียดช่วงเวลาและช่องทางการจองซื้อสำหรับนักลงทุนรายย่อย (2,3) 

1. ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อ (4,5)

1.1 ช่วงเวลาจองซื้อ : ระหว่างวันที่ 16  – 20 ตุลาคม 2566 

1.2 ช่องทางการจองซื้อ : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านทุกสาขาทั่วประเทศและเว็บไซต์

www.kasikornbank.com/kmyinvest โทร 02-888-8888 ต่อ 819 และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ผ่านทุกสาขาทั่วประเทศและแอปพลิเคชัน SCB EASY โทร. 02-777-6784

2. ประชาชนทั่วไป (5)

2.1 ช่วงเวลาจองซื้อ : ระหว่างวันที่ 24 – 27 ตุลาคม 2566 

2.2 ช่องทางการจองซื้อ : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอ

เอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด บริษัท

หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์

พาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

หมายเหตุ:

  1. อ้างอิงประมาณการผลตอบแทนของกองทรัสต์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน บนสมมติฐานราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 10.5 บาทต่อหน่วย
  2. การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่าย เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
  3. ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมในกรณีที่ผู้จองซื้อเป็นสัญชาติอื่นใดที่มิใช่สัญชาติไทย อย่างไรก็ดี รายชื่อสัญชาติของผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ไม่ได้รับการเสนอขายหน่วยทรัสต์จะถูกประกาศผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนวันจองซื้อหน่วยทรัสต์
  4. ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2566
  5. ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดที่ราคา 10.20 บาทต่อหน่วย และประชาชนทั่วไปจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้ายที่จะมีการประกาศในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ จะมีการคืนส่วนต่างหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lhhotelreit.com

และศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=528011&lang=th

คำเตือน : ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน