ในยุคสมัยที่การพกเครื่องรางของขลังดูล้าสมัยและน่าเคอะเขิน Gen Z และ Gen Y ต่างเคร่งศาสนาน้อยลงและหันมาเชื่อในตัวเองและโลกทุนนิยมมากยิ่งขึ้น เราอาจจะคิดว่าธุรกิจสายมูเตลู ศาสตร์แห่งดวงชะตา ไพ่ทาโร่และไหว้เทพเจ้าต่างๆ ที่เติบโตบนพื้นฐานความเชื่อของคนคงค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ไม่เพียงแต่มันจะไม่หายไป ทิศทางแนวโน้มแล้วมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นด้วยซ้ำ

ข้อมูลจาก Allied Market Research คาดการณ์ว่าธุรกิจมูเตลูทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 22,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 805,068,000 บาท) ในปี 2031 หรือเป็นเติบโต +5.7% ต่อปี (ปี 2022-2031) ในขณะเดียวกันจำนวนธุรกิจมูเตลูในไทยก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 113 % โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าตั้งแต่ปี 2020 - 2023 เทรนด์มูเตลูหรือความเชื่อในศาสตร์เร้นลับ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมดวงและโชคชะตาในไทยได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

‘มูเตเวิร์ล’ เป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจที่น่าจับตามอง กับโมเดลธุรกิจมูเตลูครบวงจรที่เริ่มจากกลุ่มคนที่มีความสนใจในศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวกับดวงชะตา ฮวงจุ้ย ไพ่ทาโร่ และศาสตร์ใหม่ๆ รวมถึงบริการรับไหว้เทพเจ้า เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของ 5 หมอดู แม่หมอพิมพ์ฟ้า พิชา กุลวราเอกดำรง Chief Fortune-Teller Officer, แม่หมอแอเรียล พิมฉัตร์ วิบูลย์ธนินกุล Chief Operation Officer, แม่หมอกิโกะ จินเจษฎ์ ประเสริฐสิริชล Chief Magical Officer, ฝน สุภัทร์พร โปสกนิษฐกุล Chief Creative Director และ กุโร่ อภิชา อินทรกำแหง Chief Technology Officer (จากบทสัมภาษณ์ adaddictth)

จุดเริ่มต้นของมูเตเวิร์ล

ย้อนกลับในช่วงปี 2021 ในเฟซบุ๊กจะมีกลุ่มที่ชื่อ ‘ดูดวงไพ่ยิปซี | TAROT & BEYOND’ โดยผู้ก่อตั้งเพจก็คือแม่หมออิงฟ้าแห่งมูเตเวิร์ลนี่เองที่ทำขึ้นมาเพื่อเป็นกลุ่มดูดวงไพ่ยิปซี โดยเน้นการให้ลูกดวงมาโพสต์คำถาม และให้พ่อหมอแม่หมอที่เป็นสมาชิกมาร่วมช่วยกันอ่านดวงในโพสต์

ต่อมาเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นจากกระแสภาพเฟซบุ๊คโคฟเวอร์ของกลุ่มที่ทำโดยแม่หมออิงฟ้า มีคนเอาไปใช้ต่อแล้วเกิดผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย เช่น มียอดขายเยอะขึ้น มีคนมากดไลก์เพจเยอะขึ้น รวมถึงกลุ่มคอมมูนิตี้เองก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่อมาเหล่าพ่อหมอแม่หมอก็เริ่มทำวอลเปเปอร์แบบของตัวเองมาแชร์ในกลุ่ม และมีการรีวิวด้วยว่าใช้แล้วเห็นผลจริงไหม

ในช่วงแรกกลุ่มมูเตเวิร์ลและสมาชิกภายในกลุ่มก็มีการทำวอลเปเปอร์มือถือมาแจกต่อ จนมีคนลอกเลียนแบบ ทำตาม ทำแจก ทำขายกันเรื่อย ๆ แต่ต่อให้ช่วงนั้นจะมีเยอะแค่ไหน ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้ที่อยากได้วอลเปเปอร์เพื่อมาตอบโจทย์หรือส่งเสริมดวงชะตาของตัวเอง

ทำให้ทีมงานมูเตเวิร์ลจับทางได้ว่ากระแสวอลเปเปอร์มูเป็นกระแสที่นำมาต่อยอดได้ พวกเขาจึงตั้งใจเริ่มทำวอลเปเปอร์มูที่ออกแบบเฉพาะเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคน และจาก Community กลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มเล็ก ๆ ก็แตกแขนงออกเป็น กลุ่ม Wallpaper & Beyond แลกเปลี่ยนและรีวิววอลเปเปอร์เสริมดวง, เปิดแมพแหล่งมู และเครื่องราง Supernatural & Beyond, ยูทูปช่อง มูเตเวิร์ล Mootae World ด้วยคอนเซปต์ ‘พูดถึงความเชื่อ แต่คุณไม่ต้องเชื่อเราก็ได้’

เครื่องรางตามสั่ง วอลเปเปอร์มูเตลูธุรกิจมูยุคใหม่ตอบโจทย์ GEN ME

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว พื้นที่ภาพพักหน้าจอของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นรูปของตัวเอง รูปแฟน รูปแมวหรือว่ารูปดาราไอดอลที่ตนเองชื่นชอบ แต่การเข้ามาของกระแสการวอลเปเปอร์มูได้ ‘ปฏิวัติภาพพักหน้าจอโทรศัพท์’ ของทุกคน ด้วยการทำให้วอลเปเปอร์เป็นพื้นที่หนึ่งในการวางเครื่องราง เพื่อให้เกิดความอุ่นใจ พกได้ทุกวัน โดยที่ไม่ต้องหยิบจับอะไรมาสวมใส่

จุดแข็งและจุดขาย

การสร้างวอลเปเปอร์นี้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ในทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่การ ‘ติ่ง’ ศิลปิน ลูกค้าบางคนต้องการวอลเปเปอร์มูที่จะช่วยให้ได้เขาได้เจอศิลปินหรือได้การ์ดรูปภาพของศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบที่ปกติต้องใช้โชคช่วยอย่างมากเพราะเป็นระบบขายแบบสุ่ม ในศาสตร์อื่น ๆ อาจไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ หรือเข้าไม่ถึงการบริการในทุกความต้องการ แต่ที่มูเตเวิร์ลเปิดให้คนมาทดลอง และกลายเป็นว่าหลาย ๆ คนที่มามูก็ได้สมดั่งใจจริง ๆ (ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ)

ธุรกิจมูยุคใหม่ตอบโจทย์ GEN ME

ทุกคนรู้ดีว่าทั้ง Gen-Y และ Gen-Z (เจเนอเรชันที่กำลังจะครองโลก) เป็นเจเนอชันที่เคร่งศาสนาน้อยที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่หวังให้มีอะไรสักอย่างมาดลบันดาลให้ชีวิตของพวกเขาราบรื่น บางคนอาจจะมูเล่น ๆ บางคนอาจจะมูจริงจัง แต่ปัจจุบันนี้ธุรกิจสายมูถือเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่น่าจับตามอง และดูเหมือนว่ามูเตเวิร์ลเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างนี้

ทุกวันนี้ความต้องการของคนเปลี่ยนไป กิเลสมากขึ้น รูปแบบการนับถือและการตั้งมั่นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการจึงต่างออกไปจากสมัยก่อน คนรุ่นใหม่มีความเป็นปัจเจกสูงขึ้นมาก เอาตัวเองเป็นสำคัญ การมูยุคใหม่จึงต้องเป็นอะไรที่พอจะจับต้องได้ มีหลักเกณฑ์ชัด แต่ต้องไม่มีเส้นแบ่งความเชื่ออีก

ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มูเตเวิร์ลตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี โดยการที่เขาทำโปรดักต์และเซอร์วิสออกมาเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงการมูกันได้ง่ายขึ้น มูได้ตามสั่งตามใจ ไม่ว่าเขาจะอยากนับถือเทพองค์นี้จากศาสนานี้ หรือเทพองค์นั้นจากอีกศาสนาหนึ่งก็สามารถอยู่ในวอลเปเปอร์เดียวกันเพื่อขอพรได้แบบไม่ต้องแบ่งศาสนากล่าวคือเข้าไปที่เว็บไซต์ของมูเตเวิร์ลแล้ว อยากมูแบบไหนก็มีทุกอย่างแบบสั่งได้

วอลเปเปอร์มูไม่ใช่ทำยังไงก็ได้

ก่อนหน้านี้ การพกเครื่องรางดูจะเป็นเรื่องล้าสมัยและน่าเคอะเขินสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่มูเตเวิร์ลได้ยกระดับศาสตร์การมูและเครื่องรางมาทำให้มันทันสมัยขึ้น โดยยังมีองค์ประกอบตามศาสตร์ของดวงและโชคชะตาครบถ้วน

มูเตเวิร์ลได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแรกของการทำ ‘วอลเปเปอร์มู’ ที่ประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและศาสตร์พยากรณ์ต่าง ๆ สำหรับขั้นตอนการออกแบบมาแต่ละอัน ผู้ใช้ต้องระบุวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ส่งให้กับทีมงานจากนั้น จากนั้นแม่หมอก็จะเลือกไพ่และคำนวณสิ่งต่าง ๆ จากนั้นแม่หมอก็จะคำนวณสิ่งต่าง ๆ มาเป็นไพ่แล้วส่งให้กราฟฟิกทำวอลเปเปอร์ก็ต้องใช้ศาสตร์ที่หลากหลาย ทั้งตัวเลข สี หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อทำให้ค่าพลังงานที่เหมาะกับลูกค้าต้องการและต้องมีความสวยงามน่าใช้

สิ่งที่มูเตเวิร์ลมองธุรกิจหลังจากนี้ก็น่าสนใจ ตั้งแต่ต้นที่บอกว่าการมูได้เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนได้ง่ายขึ้น ความต้องการของเหล่ามูเตเวิร์ลก็มองว่า “อยากให้การมูกลายเป็นไลฟ์สไตล์หนึ่งที่สนุก เหมือนเวลาคนเลือกใส่เสื้อผ้าก็จะนึกถึงสีมงคล เวลาเปลี่ยนเบอร์ก็จะนึกถึงเลขมงคล ต่อไปเราก็อยากให้การมูไปไหว้เจ้ามันเหมือนกิจกรรมแบบไปเดินสยาม”

ซึ่งความคาดหวังนี้ก็ดูไม่ไกลเกินเอื้อม ผู้คนรุ่นใหม่กำลังทำกิจกรรมทั้งหมดเป็นไลฟ์สไตล์กันจริง ๆ จากสัมภาษณ์มีการเปิดเผยว่าธุรกิจของมูเตเวิร์ลมีลูกค้าเข้ามาวันละหลายร้อยคน และสินค้าที่ออกมาใหม่อย่างของเสริมดวงอื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกันชนิดที่ว่าไม่ได้ยิงแอดมา 6 เดือนยอดก็ยังไม่ตกและในปี 2022 บริษัท มูเตเวิลด์ จำกัด ทำรายได้รวม 12 ล้านบาท (ข้อมูลจาก DBD) เฉลี่ยเดือนละล้านกว่า ๆ นับว่าเป็นรายได้ที่ไม่เบาเลยทีเดียวสำหรับธุรกิจมูที่เริ่มจดทะเบียนปีแรก