หลายปีแล้วที่เราจมอยู่กับคำว่า ‘เศรษฐกิจชะลอตัว’ นับตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก มองว่า ปี 2024 ยังเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังชะลอตัว ก่อนที่จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025
วันนี้ aomMONEY จะมาสรุปทิศทางของเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นใน ปี 2024 ในงาน ‘Future Trends Ahead Summit 2024’ โดย ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จะเป็นอย่างไรกันบ้าง มาดูกัน
แม้เศรษฐกิจทั่วโลก กำลังชะลอตัว แต่สหรัฐฯ กำลังโตสวนทาง
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และยุโรปที่การเติบโตทาง GDP หยุดนิ่งคงที่ กลับกันด้านสหรัฐฯ กำลังเติบโตขึ้นสวนกับทิศทางของโลก ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ Productivity Growth ไปจนถึงปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่ลดลงจาก 8% เหลือ 3% เท่านั้น จึงมีแนวโน้มสูงที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง เรียกได้ว่าอเมริกาจะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าเพื่อนในปีนี้
ปีแห่งความไม่แน่นอน ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของ 60 ประเทศ
ในปี 2024 นี้ จะมีการเลือกตั้งระดับชาติเกิดขึ้นใน 60 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน อินเดีย อินโดนีเซีย รัสเซีย และเกาหลีใต้
ที่น่าจับตามองที่สุดคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กับการกลับมาเจอกันอีกครั้งของ Donald Trump และ Joe Biden ที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในอเมริการ และจะกระทบต่อทั่วโลกอย่างแน่นอน โดยหาก Trump ชนะในปีนี้มีแนวโน้มว่าอาจมีการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนมากขึ้น ซึ่งอาจตอกย้ำความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐฯ เข้าไปอีก
เศรษฐกิจไทยกำลัง ‘กินบุญเก่า’ และการท่องเที่ยวเริ่มแบกประเทศไม่ไหว
ย้อนกลับไปในอดีต GDP ของไทยเคยเติบโตอยู่ที่ราว 8-10% ก่อนจะล้มลงตรงหน้าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่างต้มยำกุ้ง และวิกฤตการณ์อื่นๆ อีกมากมาย โดยทุกครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยไม่เคยกลับมาเท่าเดิมอีกเลย แต่กลับแผ่วลงทุกครั้ง
แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย แต่การกระตุ้นระยะสั้นไม่เพียงพอที่จะฉุดไทยให้กลับไปเฉิดฉายเช่นในอดีต สุดท้ายแล้วไทยยังคงหวังให้การท่องเที่ยว และการส่งออกเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ดูจะไม่ใช่ที่พึ่งที่แข็งแกร่งมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้ไทยเคยอยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลก ส่งสินค้ามากมายไปสู่จีน แต่ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าแบรนด์จีนมากมายกำลังตีกลับส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดบ้านเรา ในขณะที่ด้านท่องเที่ยวมีการเติบโตลดลงซ้ำไปอีก
ด้านประชากร ตอนนี้คนไทยอยู่ในสภาวะ ‘แก่ก่อนรวย’ การเติบโตทางการเงินต่ำ และมีอัตราการลงทุนลดลงจาก 50% ของ GDP เหลือเพียง 20% เท่านั้น นอกจากนี้คะแนน PISA ของไทยตกต่ำลงตลอด 20 ปีที่ผ่านมาสะท้อนวิกฤตด้านการศึกษา ซึ่งทำให้เห็นว่าคุณภาพชีวิต และคุณภาพของคนไทยอยู่ในระดับต่ำมาอย่างยาวนาน
แล้วไทยจะเดินต่ออย่างไร ถ้าบุญเก่าเริ่มกินไม่พอ และวิธีเดิมๆ เริ่มไม่ได้ผล
ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ยกตัวอย่างถึง ‘Abenomics’ และ ‘ลูกศร’ 3 ดอก ที่ ‘ชินโซ อาเบะ’ เคยใช้เพื่อปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน เน้นเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้เวลากว่า 10 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จ
[ ดร. พิพัฒน์มองว่า ไทยกำลังต้องการผู้ยิงลูกศรทั้ง 3 ดอก อย่างเร่งด่วน ซึ่งประกอบไปด้วย ]
- เน้นนโยบายปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Structural reforms)
- มากกว่านโยบาย คือ ความตระหนักรู้ถึงปัญหา และฉันทมติทางการเมือง
- หาเสียงสนับสนุน (Abe ยุบสภาหลายครั้งเพื่อหาเสียงสนับสนุน)
แต่คำถามสำคัญคือ “แล้วไทยเราจะหาจุดร่วมทางการเมืองอย่างไรในยุคปัจจุบัน และใครจะเป็นผู้ยิงลูกศรทั้งสามดอก?”
เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร