เรามักจะคุ้นเคยกับการลงทุนในรูปแบบของสินทรัพย์ในโลกการเงิน เช่น หุ้น กองทุน คริปโต อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ โดยจัดพอร์ตแบบ “Asset Allocation” คือกระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ซึ่งเราก็ต้องลงมือศึกษาในสินทรัพย์ใหม่ๆ ให้เข้าใจมากขึ้นด้วย เพื่อจะได้ติดตามตลาดได้ทัน

แต่จะดีกว่าไหมครับ? ถ้าเราได้ลงทุนในสิ่งที่รู้จักมันดีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารัก ดีต่อใจ ได้กระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์หลัก แถมยังมีโอกาสได้กำไรด้วย!

เทรนด์นี้เรียกว่า “Passion Investment” คือการลงทุนในสิ่งที่เราหลงใหล รู้ลึก รู้จริง โดยเป็นสิ่งที่มีมูลค่า มีกลุ่มคนที่ต้องการ และสร้างผลตอบแทนได้

ซึ่ง aomMONEY เชื่อว่าแต่ละคนน่าจะมีสิ่งที่ชื่นชอบ คลั่งไคล้ หรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ เช่น ชอบสะสมรองเท้า กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกา หุ่นยนต์โมเดลต่างๆ ฯลฯ ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจก็อาจจะมองว่ามันไร้สาระ แต่จริงๆ แล้วมันก็สามารถเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนให้เราได้ เฉกเช่นเดียวกับหุ้น กองทุน คริปโตฯ (หรือเผลอๆ อาจทำกำไรได้ดีกว่าด้วยซ้ำ)

วิธีเข้าวงการ Passion Investment เราอาจเริ่มต้นจากการเป็นนักสะสมก่อน แล้วค่อยๆ อัปเกรดตัวเองเป็นคนที่ซื้อมา-ขายไป จนกระทั่งผันตัวมาทำเป็นธุรกิจจริงจัง ถ้าเราแม่นยำใน 2 สิ่งนี้ก็ลุยได้เลยครับ

หาสิ่งที่สร้างผลตอบแทนดีให้เจอ

เวลาซื้อหุ้น ซื้อกองทุน ยังต้องซื้อให้ถูกตัว กับวงการของสะสมก็เช่นกันครับ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะขายทำกำไรได้ ดังนั้นเราต้องสำรวจความต้องการของตลาดนั้นๆ เสียก่อน หากเป็นของสะสมระดับสากล ส่วนใหญ่มักจะนิยมไวน์/วิสกี้เก่าหรือหายาก หรือจำพวกนาฬิกาข้อมือ/กระเป๋าแบรนด์หรู ส่วนในประเทศไทยก็มี Passion Investment ที่ค่อนข้างเฉพาะตัว เช่น พระเครื่อง เหรียญกษาปณ์ แสตมป์ ของวินเทจต่างๆ

ต้องรู้จริงในของสิ่งนั้น

มิจฉาชีพมีอยู่ทุกวงการ ซึ่งก็มีหลายคนที่เข้ามาหาผลประโยชน์ (แบบผิดๆ) จากวงการ Passion Investment ดังนั้นถ้าเราจะลงทุนจริงจัง ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด มีความรู้ลึก รู้จริง ถ้าจะให้ดีก็ควรดูออกทันทีว่าอันไหนของแท้ อันไหนของปลอม เพื่อป้องกันการย้อมแมวขาย นอกจากนี้ก็ควรอัปเดตราคาตลาดอยู่เสมอ เพื่อให้เราตั้งราคาได้เหมาะสม ซึ่งแต่ละวงการของสะสม ก็มักจะมีเว็บไซต์ที่ใช้อ้างอิงราคากลางได้อยู่