การวางแผนทางการเงินไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการทำให้เงินงอกเงยไปสู่ความมั่งคั่ง หรือการปกความมั่งคั่งให้อยู่กับเราตลอดไปเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการส่งต่อความมั่งคั่งมีไปสู่คนที่เราห่วงใยด้วย

“การส่งต่อความมั่งคั่ง” ถือเป็นขั้นสุดท้ายที่อยู่บนยอดของพีระมิดทางการเงิน เรียกว่าขั้นของการทำ "Wealth Transfer" โดยเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อส่งมอบทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ต่างๆ สู่ทายาทหรือคนที่เรารัก

โดยข้อดีของการวางแผนส่งต่อความมั่งคั่ง มีหลักๆ 3 ประเด็น ได้แก่

✅ 1) ลดความยุ่งยากในการตามหาทรัพย์สินที่เจ้ามรดกมี

ลองถามตัวเราเองดูว่า “เวลาเราทำธุรกรรมฝากเงิน ลงทุน ซื้อที่ดิน ซื้อประกัน เราบอกกับญาติๆ ทุกครั้งหรือไม่?” ถ้าไม่…เวลาเราจากโลกนี้ไป โดยที่ไม่มีการเขียนระบุไว้ว่า เรามีทรัพย์สินหรือเงินฝากอยู่ที่ไหนบ้าง สิ่งที่ตามมาคือ บรรดาทายาทจะต้องจัดตั้งผู้จัดการมดรกเพื่อตามหาทรัพย์สินต่างๆ ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วนำมารวบรวมไว้ ก่อนจะที่จะจัดสรรให้บุคคลต่างๆ ได้

✅ 2) ลดความขัดแย้งในการแบ่งทรัพย์สินไปสู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ไม่ได้บอกว่าการระบุในพินัยกรรมให้ชัดเจนไปเลยว่า “ทรัพย์สินใด ใครควรเป็นคนดูแล” จะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะเรื่องของเงินๆ ทองๆ สามารถสร้างความขัดแย้งได้เสมอไม่ว่าจะพ่อ-ลูก พี่-น้อง ก็ตาม แต่การทำพินัยกรรมให้ชัดเจน รวมถึงบอกเหตุผลของการจัดสรรปันส่วนทรัพย์สินต่างๆ ร่วมด้วยก็จะช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น

✅ 3) ผู้รับมรดกจะได้นำทรัพย์ไปทำประโยน์ได้เร็วขึ้น

การส่งต่อมรดกที่ล่าช้าเกินไป อาจทำให้ผู้รับมกดรกสูญเสียโอกาสในการนำทรัพย์สินต่างๆ ไปต่อยอดได้ ดังนั้น การวางแผนให้รัดกุม โดยเฉพาะการทำพินัยกรรมจะช่วยลดระยะเวลาในการส่งต่อมกรดกได้

ถ้าอยากรู้ว่า "พินัยกรรม" ทำแบบไหน ถึงจะมีผลทางกฏหมาย ผุสดี พรเกษมศาสตร์ นักวางแผนการเงิน CFP® ได้เขียนสรุปไว้เป็นข้อๆ แล้วดังนี้

พินัยกรรมถือเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของผู้เสียชีวิต โดยพินัยกรรมจะมีผลบังคับได้ตามกฎหมายก็ต่อเมื่อทำตามแบบและวิธีที่กำหนดไว้ทั้งหมด 5 แบบ เท่านั้น ได้แก่…

(1) พินัยกรรมแบบธรรมดา

เป็นแบบที่นิยมทำ จะพิมพ์ เขียนด้วยตัวเอง หรือให้ผู้อื่นทำให้ก็ได้ ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน พร้อมให้พยานลงลายมือชื่อพร้อมกันต่อหน้าผู้ทำพินัยกรรมเท่านั้นจะพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ได้

(2) พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ

ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนเองทั้งหมดทั้งฉบับและลงลายมือชื่อ แต่ไม่จำเป็นต้องมีพยาน

(3) พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง

เป็นพินัยกรรมที่ให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตเป็นผู้จัดทำให้ โดยผู้ทำพินัยกรรมและพยานอย่างน้อย 2 คนลงลายมือชื่อ หลังจากนั้นนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตจะเขียนรับรองพินัยกรรมพร้อมประทับตราประจำตำแหน่ง

(4) พินัยกรรมแบบเอกสารลับ

ผู้ทำพินัยกรรมเขียนหรือพิมพ์เอง หรือให้ผู้อื่นทำให้ก็ได้ เมื่อลงลายมือชื่อในพินัยกรรมแล้วให้ใส่ซองปิดผนึกพร้อมทั้งลงลายมือชื่อตรงรอยผนึกที่ซอง จากนั้นนำพยาน 2 คนไปให้ถ้อยคำต่อนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขต เพื่อบันทึกไว้บนซองเอกสารโดยให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้บนซอง และให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตเก็บรักษาไว้

(5) พินัยกรรมแบบวาจา

ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น มีอุบัติเหตุร้ายแรงและใกล้ตาย ให้ผู้ทำพินัยกรรมทำพินัยกรรมด้วยวาจา โดยแสดงเจตนาว่าจะยกทรัพย์สินให้ใครต่อหน้าพยาน 2 คน จากนั้นให้พยานรีบไปแจ้งวันเดือนปีและข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งไว้ต่อนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขต ซึ่งนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตจดข้อความแล้วจะให้พยานลงลายมือชื่อ

หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อความในพินัยกรรม ต้องลงวัน เดือนปีที่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนและพยาน 2 คนต้องลงลายมือชื่อด้วย อีกทั้งควรปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในพินัยกรรมให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และควรบอกให้บุคคลใกล้ชิดที่ไว้ใจได้รู้ว่าพินัยกรรมฉบับล่าสุดทำไว้เมื่อไร เก็บไว้ที่ไหน

แต่ถ้าไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือพินัยกรรมที่ทำไว้ไร้ผลบังคับ มรดกจะตกแก่ทายาทโดยธรรมประเภทคู่สมรสและทายาทโดยธรรมประเภทญาติ 6 ลำดับ ได้แก่

(1) ผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน เหลน ลื้อ)
(2) บิดามารดา
(3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
(5) ปู่ ย่า ตา ยาย
(6) ลุง ป้า น้า อา

ซึ่งการแบ่งมรดกจะใช้หลักการ “ญาติสนิทตัดสิทธิญาติห่าง” ทายาทลำดับต้นมีสิทธิรับมรดกก่อนทายาทลำดับหลัง แต่มีข้อยกเว้นสำหรับทายาทลำดับที่ 1 และที่ 2 จะไม่ตัดสิทธิกันเอง

บิดามารดาและคู่สมรสมีสิทธิรับมรดกเสมือนเป็นผู้สืบสันดานคนหนึ่ง และทายาทลำดับที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 เท่านั้นที่มีผู้รับมรดกแทนที่ ถ้าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรม ไม่มีคู่สมรส ไม่มีทายาททั้ง 6 ลำดับ และไม่มีผู้รับมรดกแทนที่เหลือเลย มรดกของผู้ตายจะตกเป็นของแผ่นดิน

เพราะไม่มีใครรู้ว่าลมหายใจ ณ วินาทีนี้จะเป็นลมหายใจสุดท้ายหรือไม่ การทำพินัยกรรมไม่เพียงสร้างความสบายใจ แต่ยังสร้างความมั่นใจว่าทรัพย์สินเงินทองของเราจะตกอยู่กับคนที่เราอยากให้เท่านั้น และไม่เกิดฉากละครน้ำเน่ากลางครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างแน่นอน