ช่วงปีใหม่ของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่จะใช้เวลาในการวางแผนการเงินของตัวเองใหม่ในสไตล์ #NEWYEARNEWYOU เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ แต่มักจะลืมไปเรื่องหนึ่งหลังจากการตั้งเป้าหมายไว้ คือ การสร้างวินัยให้กับตัวเองไปพร้อมๆกัน

ลองคิดดูสิว่า ได้เงินโบนัสมาก้อนใหญ่ ถ้าหากปล่อยให้เงินก้อนนี้ต้องเสียไปกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นกับชีวิต บางทีเป้าหมายการเงินที่คิดไว้คงจะหมดไปตั้งแต่เดือนมกรา แบบนี้ต่อให้มีเป้าหมายดีแค่ไหน ถ้านิสัยไม่เปลี่ยนก็ไร้ความหมาย จริงไหมครับ?

จากการทดสอบด้วยตัวเอง พรี่หนอมพบว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงนิสัยให้มีวินัยได้ ต้องบังคับให้ตัวเองมีเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องนั้นๆ ซึ่งบางคนก็เลือกใช้การทำประกันชีวิตเป็นทางเลือกหนึ่ง

เดี๋ยวๆๆๆ... หลายคนคงคิดในใจว่านี่กำลังจะขายของใช่ไหม บอกเลยว่าใช่ แต่อยากให้อ่านกันก่อน เพราะว่าการทำประกันชีวิตมันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราเอามาปรับใช้กับชีวิตได้เช่นกัน

เอางี้ ลองไปถามคนรอบตัวเราดูสิว่า ทุกวันนี้ทำประกันไหม และทำประกันแบบไหนบ้าง บอกได้ว่าส่วนใหญ่ต้องตอบว่าทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แน่นอน

ทำไมคนถึงชอบซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์

เหตุผลที่คนชอบทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เพราะอยากได้รับผลตอบแทน (เงินก้อน) จากการทำประกันประเภทนี้ และได้รับความคุ้มครองชีวิตส่วนเพิ่มมาช่วยให้ชีวิตคนข้างหลังดีขึ้นบ้าง หากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเกิดเรายังอยู่ต่อไปได้ ก็เอาเงินก้อนมาใช้สบาย (แถมได้ผลตอบแทนเพิ่มเติม) อีกต่างหาก ตามนิสัยของคนส่วนใหญ่ที่ชอบเผื่อเหลือเผื่อขาด

ถ้าหากเรามองว่า ปีใหม่นี้ เราอยากจะสร้างวินัยในตัวเองด้วยการเก็บเงิน แล้วเรามีความสามารถพอที่จะจ่ายไหวในทุกๆ ปี ที่มีการเรียกเก็บค่าเบี้ยประกัน พร้อมกับรอให้เงินจำนวนนั้นมันเติบโตไปตามเวลา เพื่อให้ได้เงินก้อนนั้นมาตามเป้าหมายที่เราวางไว้ แถมได้ความคุ้มครองชีวิตระหว่างทาง การทำประกันสะสมทรัพย์ก็เป็นตัวตอบโจทย์ได้ทางหนึ่ง

ถ้าตัดสินใจซื้อประกันสะสมทรัพย์แล้วต้องดูอะไรบ้าง?

หากตัดสินใจซื้อประกันแล้ว เราลองเปรียบเทียบสิ่งที่เราอยากได้เพิ่มเติมต่อ เช่น ผลตอบแทนคุ้มกับเบี้ยประกันรายปีที่จ่ายไปไหม มีเงินจ่ายคืนให้ตลอดทุกปีหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเป็นไปตามความต้องการของเรา หรือปรึกษากับตัวแทนประกันชีวิตเพื่อให้เขานำเสนอสิ่งทีใกล้เคียงกับความต้องการของเรามากที่สุด

โดยปกติสำหรับใครที่เลือกทำประกันแบบสะสมทรัพย์ มักจะเจอการจ่ายเบี้ยประกันรายปีประมาณ 5-6 ปี ก่อนที่จะได้รับเงินก้อนหลังจากที่กรมธรรม์ครบกำหนดสัญญา (กรณีใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี ต้องมีกรมธรรม์ต้องมีระยะเวลาเอาประกันไม่น้อยกว่า 10 ปี)

และสำหรับคนที่ชอบซื้อประกันกลุ่ม 5/10 , 6/15 หรือ 15/25 พรี่หนอมแนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้าหากเลือกแบบประกันดีๆ ที่มีการจ่ายเงินคืนในแต่ละปี กระแสเงินสดจากเงินในกลุ่มนี้จะมาช่วยแบ่งเบาภาระของการจ่ายค่าเบี้ยได้เช่นเดียวกัน หรือบางคนอาจจะเลือกทำประกันสะสมทรัพย์พวก 5/10 ทุกๆ 5 ปี เพื่อให้มีเงินสะสมระยะยาวไปเรื่อยๆ เป็นการสร้างวินัยในการเก็บเงินและลดหย่อนภาษีไปพร้อมๆกัน ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งครับ

แต่ตรงนี้ก็ต้องดูกระแสเงินสดและความต้องการประกอบกันด้วยนะครับ อย่าลืมจุดสำคัญที่เราต้องการ นั่นคือ NEW YEAR NEW YOU เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยการวางแผนการเงินของเราทั้งปี รวมถึงดูเรื่องอื่นประกอบกันด้วยเพื่อให้ได้การเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีที่สุดครับ

มาถึงตรงนี้ นี่จะขายประกันหรือเปล่า?

เอาล่ะครับ ขายกันตรงๆแล้วครับ กับช่วงพรี่หนอมยอดนักขาย กับประกันชีวิตของทางกสิกรไทยที่มีชื่อว่า ประกันชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์ 510 การันตี โดยมีจุดเด่น คือ ใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท จ่ายเบี้ยระยะสั้นแค่ 5 ปี มีเงินจ่ายคืนให้ทุกปี การันตีไม่ต้องตรวจสุขภาพ และได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า  ตามรูปด้านล่างนี้เลยจ้า

นอกจากนั้นทางกสิกรยังฝากมาบอกว่า ประกันตัวนี้มีโปรโมชั่นมากมาย ทั้ง

  • อายุรับประกัน 30 วัน – 60 ปี
  • ทุนประกันขั้นต่ำ / สูงสุดต่อคน 20,000 บาทขึ้นไป (เมื่อรวมทุนประกันของกลุ่ม 615 การันตี,1525การันตี, 95/5 อีซี่, 3/1 ไม่เกิน 25 ล้านบาท)
  • ชำระเบี้ยประกัน รายปี /  6 เดือน / 3 เดือน 
  •  สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ 

โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกัน

เอาล่ะครับ... หากใครสนใจประกันตัวนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 

ธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ คลิก Kasikornbank.com หรือโทร 02-8888888

หวังว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทุกคนตอบคำถามได้นะครับว่า วางแผนการเงินต้นปี ด้วยประกันชีวิตดีไหม?

บทความนี้เป็น Advertorial