หลายคนคงเคยได้ยินคำเตือนเกี่ยวกับกองทุนรวมบ่อยๆ ว่าผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตทำให้พรี่หนอมเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาครับว่า ถ้าหากเราไม่เลือกกองทุนจากผลตอบแทน ความเสี่ยง และความสม่ำเสมอ แล้วเราควรเลือกจากอะไรดี?

สาเหตุที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ไม่ได้บอกว่าการดูผลตอบแทนจากการลงทุน หรือความสม่ำเสมอที่ได้รับจากการลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดนะครับ เพียงแต่อยากชวนให้มองกันต่อว่า ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นมาจากอะไร? ไปๆมาๆ แล้ว คำตอบที่ได้รับนั้นมีอยู่อย่างเดียว นั่นคือ เราคงต้องกลับมาตรวจสอบเป้าหมายในการลงทุนของตัวเองว่าเราต้องการอะไรจากการลงทุน และมองหากองทุนรวมที่สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการครับ

ถ้าพูดแบบนี้หลายคนอาจจะมองไม่เห็นภาพ ขออนุญาตลองยกตัวอย่างกองทุน RMF ของบลจ.แห่งหนึ่ง ที่พรี่หนอมคิดว่ามีความชัดเจนในปรัชญาการลงทุน (Investment philosophy) มาเนิ่นนาน และมีขั้นตอน (Investment process) การลงทุนที่น่าสนใจ มารีวิวให้ดูกันครับ

ABSC-RMF 
กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ

อย่างที่ทราบกันดีว่า จุดแข็งของทางอเบอร์ดีนนั้น จะมีปรัชญาและขั้นตอนการลงทุนที่ชัดเจน โดยมีการปรับพอร์ตการลงทุนตามความเหมาะสม และเน้นลงทุนในหุ้นที่มั่นใจว่าเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยให้ความสำคัญกับมุมมองการลงทุนในระยะยาว ในการเป็นเจ้าของกิจการ มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

สำหรับวิธีการเลือกหุ้นนั้น จะใช้วิธี Bottom – up โดย Aberdeen Standard Investment ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีความสามารถบริหารลงทุนแบบ Active มาช่วยคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นรายตัว และมองขึ้นไปยังอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ โดยมองภาพรวมระยะยาวที่ 3-5 ปีขึ้นไป ตามปรัชญาเลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีงบการเงินแข็งแกร่ง มีธรรมมาภิบาลที่โปร่งใส เพื่อผลตอบแทนที่ดี ด้วยกระบวนการลงทุนที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลกนี้จะผ่านหลักที่มีชื่อว่า “กฎ 10 ประการเพื่อการลงทุน” นั่นเองครับ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aberdeen-asset.co.th)

เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาลองเช็คเป้าหมายในการลงทุนของเราไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ โดยเริ่มจากคำถามแรกก่อน นั่นคือ เราลงทุนใน RMF เพราะต้องการอะไร? ใช่ครับ การลงทุนใน RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพนั้น มันคือ การลงทุนเพื่อเกษียณ นั่นเองครับ

ทีนี้พอตัดสินใจลงทุนเพื่อเกษียณแล้ว เราต้องมาถามกันต่อว่า แล้วเราต้องการจำนวนเงินเท่าไรที่ใช้หลังเกษียณ และจะใช้วิธีการแบบไหนที่ทำให้เราไปสู่เป้าหมายได้ตามที่ต้องการ ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องการนั้น พรี่หนอมคิดว่าแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันไปแต่วิธีการที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้นั้น คือ การใช้กองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพื่อการวางแผนเกษียณครับ

ทีนี้คำถามสุดท้าย คือ แล้วกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นที่เราเลือกนั้น ควรจะเลือกนโยบายแบบไหน อย่างไรดี เพราะมันคือการลงทุนในระยะยาวไปจนถึงเกษียณในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ดังนั้นเราต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่า วิธีการเลือกหุ้นของกองทุนนั้นจะทำให้เรามั่นใจได้อย่างไร

ABSC-RMF : เลือกหุ้น ด้วย “คุณภาพ” ก่อน “ราคา”

กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหุ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และให้ความสำคัญของ “คุณภาพ”ของหุ้นก่อน “ราคา” ตามปรัชญาการลงทุนที่ได้เล่ามาตั้งแต่ต้นครับ

แต่สิ่งที่ยังไม่ได้บอกอีกเรื่องหนึ่งคือ สิ่งที่กองทุนนี้ให้ความสำคัญมากที่นอกเหนือไปจากอัตราส่วนทางการเงินหรือความสามารถต่างๆในการทำกำไรนั้น คือ การมองทะลุไปยังความสามารถในการบริหารกิจการผ่านตัวตนของผู้บริหาร เพราะเชื่อว่าคนที่ดีนั้นจะทำให้กิจการดีได้

หลังจากผ่านเกณฑ์ของคุณค่าแล้ว จะให้ความสำคัญต่อในส่วนของ “ราคา” โดยใช้วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นต่างๆ เช่น PEG/PEs, EV/EBITDA, Discounted Cash Flow ซึ่งงบการเงินของบริษัทเหล่านี้เป็นตัวประกอบการตัดสินใจ โดยหุ้นที่ผ่านการคัดเลือกด้านคุณค่านั้นจะถูกซื้อเมื่อมีราคาที่เหมาะสมครับ

สุดท้ายจำนวนหุ้นที่เหมาะสมสำหรับการจัดพอร์ทจะอยู่ที่ประมาณ 30-50 ตัว จากข้อมูลรายชื่อหุ้นด้านล่างจะเห็นว่าเป็นไปตาม*นโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ครับ และส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว

(*นโยบายการลงทุน - ลงทุนในหลักทรัพย์ และหรือทรัพย์สินอันเป็นหรือที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งทุน โดยจะลงทุนเพื่อให้มี Net Exposure ในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.)

ปรัชญาการลงทุนที่ดี ส่งผลต่อผลตอบแทนจริงหรือเปล่า

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของผลตอบแทนกันบ้างครับ ถึงพรี่หนอมจะบอกว่าให้เลือกลงทุนจากเป้าหมายและวิธีการลงทุนของกองทุน แต่สิ่งที่จะวัดผลจริงๆ นั้น เราก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า มันคือผลตอบแทนจากการลงทุน จริงไหมครับ

ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด

จากข้อมูลจะเห็นว่ากองทุนทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว นั่นคือตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (12 พฤศจิกายน 2545) หรือ ช่วง 10 ปี ขึ้นไป หากเปรียบเทียบกับค่าชี้วัด ซึ่งมันเป็นสิ่งสะท้อนถึงวิธีการเลือกหุ้นของกองทุนนี้ว่าเป็นการมองภาพรวมที่มีในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ดังนั้นคนที่เหมาะกับกองทุนนี้คือ คนที่มั่นใจว่าหุ้นที่กองทุนเลือกนั้นเป็นการสะท้อนมูลค่าและการเติบโตของบริษัทในระยะยาวจริงๆ ซึ่งบางทีแล้วมุมมองนี้อาจจะสอดคล้องกับการลงทุนใน RMF ที่เป็นการลงทุนเพื่อเกษียณของเราก็ได้ครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนนั้น จะอยู่ที่ 2.05% (ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรายปี) ซึ่งถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ย แต่จำนวนเงินที่ซื้อนั้นจะค่อนข้างสูงหน่อยครับ อยู่ที่ 10,000 บาทต่อครั้ง

ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด

สรุป

ถึงแม้ว่า การตัดสินใจลงทุนของแต่ละคนนั้น ย่อมจะมีมุมมองที่แตกต่างและหลากหลายกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนนั้น คือ การยึดหลักการมากกว่าผลลัพธ์ เพราะถ้าหลักการของเราถูกต้อง เราย่อมจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนมากกว่าการมองแต่ผลลัพธ์แต่ไม่รู้ที่มาของหลักการครับดังนั้นถามความต้องการของตัวเองดีๆ และทำความเข้าใจกับวิธีการลงทุนของแต่ละกองทุน จะทำให้เรานั้นสามารถลงทุนได้อย่างสบายใจครับ

สำหรับคนที่สนใจในกองทุน ABSC-RMF นั้น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0-2352-3388 หรือ www.aberdeen-asset.co.th

ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม

บทความนี้เป็น Advertorial