สำหรับโลกยุคใหม่ในทุกวันนี้ พรี่หนอมเชื่อว่าหนึ่งในความฝันของใครหลายคน คือ การมีรายได้จากสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้เราอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร หนึ่งในทางเลือกนั้นมักจะมีเรื่องของการลงทุนในหุ้นเพื่อได้รับเงินปันผลอยู่เสมอๆ

แต่ถ้าหากเราไม่มีเวลาเลือกหุ้นด้วยตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่หรือว่าคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ อีกทางเลือกหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมไม่แพ้กัน นั่นคือ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีการจ่ายปันผลนั่นเองครับ

อะแฮ่ม... อารัมภบทแบบนี้ เพราะเป็นที่มาของการรีวิวกองทุนหุ้นปันผลที่กำลังจะเปิดขายเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 8-12 มกราคม 2561 นี้ กับกองทุนเปิดธนชาตหุ้นปันผล หรือชื่อย่อ T-DIV ที่ชูจุดขายไว้ว่า “คัดสรรหุ้นปันผลชั้นดี ปันผลสม่ำเสมอ ผ่านการเลือกบริษัทชั้นดี มีอนาคต เพื่อผู้ลงทุนโดยเฉพาะ”

กองทุนนี้มีความเชื่อว่า หุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ 600 กว่าตัวนั้น มีหุ้นที่คาดการณ์ได้ว่าจ่ายปันผลในอัตรา 3.5% ของราคาหุ้นไปได้อีก 3 ปีต่อจากนี้เป็นจำนวน 80 บริษัท (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2560 จาก Bloomberg) ดังนั้นการจัดพอร์ทเพื่อสร้างชุดหุ้นที่ได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนื่องนั้น มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก

แหม่.... ถ้ากล้าพูดขนาดนี้ เราลองมาดูข้อมูลย้อนหลังในช่วงที่ผ่านมากันซักหน่อยดีกว่าครับ

ที่มา: บลจ. ธนชาต

คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เนื่องจากกองทุนนี้เพิ่งเปิดไม่นานนัก จึงทำให้สามารถย้อนข้อมูลดูได้เพียงช่วงสั้นๆครับ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับผลตอบแทนมาตรฐานอย่าง ดัชนีผลตอบแทนรวม SETHD ซึ่งเป็นดัชนีของหุ้นที่มีการปันผลสูงต่อเนื่องก็จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนของกองทุนนี้สามารถเอาชนะค่ามาตรฐานได้ครับ

นอกจากผลตอบแทนแล้ว จำนวนเงินปันผลที่จ่ายก็มีข้อมูลย้อนหลังให้ดูกันครับ นั่นคือ มีการจ่ายสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วยครับ

ถ้ามองเจาะลึกลงไปในนโยบายเรื่องหุ้นที่ทางกองทุนเลือกเพิ่มเติมจากรายชื่อ 5 อันดับแรกที่ลงทุน จะเห็นว่าทางกองทุนมีการเลือกหุ้นที่กิจการไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ มีกระแสเงินสดจากการประกอบกิจการที่แน่นอน และมีอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจ รวมถึงมีความผันผวนที่ค่อนข้างต่ำ (Low Beta) ประกอบกันครับ

ที่มา: บลจ. ธนชาต

ทีนี้เรามาดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านอื่นๆกันอีกสักเล็กน้อยครับ เช่น จำนวนครั้งของการจ่ายเงินปันผล อัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ  จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ ก่อนที่จะไปสรุปว่ากองทุนนี้เหมาะกับใครบ้างครับ

จากข้อมูลจะเห็นว่ากองทุนนี้มีการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้งเท่านั้น และในส่วนของค่าธรรมเนียมจะเห็นว่ามีการเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้ออยู่ที่ 0.428% และมีการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการต่างๆ ประมาณ 2.14% หรือคิดรวมๆ จะอยู่ที่ประมาณ 2.462% ครับ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวสำหรับกองทุนหุ้นปันผลแบบนี้ครับ

ส่วนจำนวนซื้อขั้นต่ำนั้นดูเป็นที่น่าพอใจครับ เพราะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการสะสมความมั่งคั่งต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับผม

ใครควรลงทุนในกองทุนนี้

อันนี้พรี่หนอมก็ตอบตรงๆว่า คงต้องเป็นคนที่ต้องการกระแสเงินสดในการลงทุนอย่างเงินปันผล และยอมรับกับการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ไปพร้อมๆ กันครับ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าสำหรับกองทุนหุ้นปันผลแบบนี้แม้จะเลือกหุ้นที่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่ได้แปลว่าจะการันตีว่ามีการปันผลตลอดไปนะครับ เพราะกองทุนจะปันผลก็ต่อเมื่อมีกำไรสะสมจากการลงทุนในจุดที่ผู้จัดการกองทุนเห็นว่าสมควรเท่านั้นครับ ซึ่งตรงนี้ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงประกอบกันครับ

แต่อย่างไรก็ดี ในอีกแง่หนึ่ง ผมมองว่าคนที่เหมาะกับการลงทุนในกองทุนนี้ คือ คนที่ต้องการกระแสเงินสดต่อเนื่องในระดับนึง เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการจัดการชีวิต แต่ขี้เกียจหาหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีๆ หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเลือกหุ้นได้ถูกต้องหรือไม่ เลยให้ผู้จัดการกองทุนจัดการให้และยินยอมจ่ายค่าธรรมเนียมให้เป็นการตอบแทนครับ ฮ่าๆ 

หรือแม้แต่ฝั่งนิติบุคคลเองที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากการลงทุนและได้รับเงินปันผล ก็อาจจะมองไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการบริหารจัดการเงินของธุรกิจได้เช่นเดียวกันครับ เพราะกองทุนนี้เขาจัดวันที่ปันผลไว้ให้ล่วงหน้า ไม่ให้เสียสิทธิตามที่กฎหมายกำหนดครับผม

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องมองนั้นไม่ใช่แค่จำนวนเงินปันผลเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ต้องมองถึงผลตอบแทนด้วย เพราะบางกองทุนอาจจะมีการจ่ายปันผลน้อย แต่ว่าได้กำไรจากการขายหุ้นในกองทุนเยอะจึงทำให้ NAV ไม่ลดต่ำลงหลังปันผล ตรงนี้ก็ต้องดูกันต่อไปครับว่ากองทุน T-DIV จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ฮ่าๆ

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นอีกทีคือ กองทุนนี้เป็นกองทุน “หุ้น” ย่อมมีความผันผวนของผลตอบแทนในระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน แม้ว่าทางกองทุนเองจะเลือกหุ้นที่มีความผันผวนน้อยก็ตาม ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะเป็นความเสี่ยงหนึ่งที่ควรเอามาพิจารณาครับ แต่ถ้าหากรับได้ จัดไปก็ไม่เสียหายครับผม

เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ถ้าหากเป็นผม ผมจะมองว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไรครับ เช่น ถ้าหากผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีเวลาเลือกหุ้นหรือคัดสรรหุ้นด้วยตัวเอง แต่ต้องการเงินปันผลจากการลงทุนมาเรื่อยๆ เพื่อที่จะเผื่อไว้ใช้จ่าย โดยที่วางแผนว่าจะทยอยสะสมเรื่อยๆเพื่อสร้างพอร์ทผลตอบแทนระยะยาว รวมถึงเงินก้อนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ในอนาคตและสามารถเสี่ยงได้ตามเงื่อนไขที่ผมยอมรับได้ การเลือกกองทุนหุ้นนี้ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีของผมครับ

สุดท้ายนี้ ... พรี่หนอมขอฝากไว้อีกที ก่อนที่จะส่งไปสู่การขายของ นั่นคือ คุณควรจะเริ่มจากคำถามว่า คุณต้องการเงินปันผลจากการลงทุนไหม?ถ้าหากคำตอบคือใช่ การพิจารณาเรื่องต่อไปถึงจะตามมาครับ ทั้งเรื่องของความสม่ำเสมอของผลตอบแทน ความเสี่ยง ค่าธรรมเนียม ความสามารถของผู้จัดการกองทุน ตามความสำคัญในแต่ละด้านที่คุณมองเห็นครับ

ถ้าหากใครสนใจกองทุนนี้ ก็สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ บลจ.ธนชาติ https://www.thanachartfund.com หรือโทรศัพท์ 0 2126 8399 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง พร้อมขอรับหนังสือชี้ชวน

คำเตือน :

ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

การลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินและทุนคืนเต็มจำนวน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

บทความนี้เป็น Advertorial