“ช่วงที่ดีร้านอาหารประสบความสำเร็จ เดือนๆหนี่งเฉลี่ยพ่อได้เงินกว่า 350,000 - 435,000 บาทเลย”

อัลวิน อัน (Alvin Ang) นักเขียนในสิงคโปร์เล่าถึงช่วงวัยเด็กที่พ่อหาเงินได้ค่อนข้างมาก แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดส่งผลให้วันนี้ขณะที่พ่อเข้าสู่วัยเกษียณแต่เงินไม่เพียงพอ หยุดทำงานไม่ได้เพราะ “ไม่อยากกลายเป็นภาระลูกหลาน”

บทเรียนสำคัญ

พ่อของเขาทำงานหนักมาโดยตลอดและมีบางช่วงของชีวิตร้านอาหารก็ทำเงินได้ไม่น้อย วันหยุดไม่เคยมีในหัว เสาร์อาทิตย์วันหยุดราชการคือวันทำงานปกติ บางครั้งป่วยก็ยังไปทำงานเพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายวันนี้ใกล้เกษียณแล้วกลับเงินไม่พอที่จะหยุดทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นบทเรียนการเงินที่อัลวินได้ตกผลึกมา 5 ข้อ

1. ทำงานหนักไม่พอสำหรับการเกษียณแบบมั่งคั่ง

“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” คำพูดของพ่อที่สร้างความไม่สบายใจให้อัลวิน แต่ก็เป็นเรื่องจริง

แม้ทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์การเงินที่ย่ำแย่ พ่อในใกล้เกษียณแต่ก็ยังเป็นพนักงานขับรถอยู่ หยุดทำงานไปเลยในเวลาก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งในสิงคโปร์ที่ค่าครองชีพสูงนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ กำลังวางแผนเพื่อจะมาเกษียณในเมืองไทยที่ค่าใช้จ่ายยังพอรับได้ในอนาคต

2. ธุรกิจส่วนใหญ่จะล้มเหลว บางอย่างอยู่เหนือการควบคุม

อัลวินเล่าว่าในช่วงแรกที่พ่อทำร้านอาหารไทยนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก หาเงินได้หลายล้านต่อปี อาหารอร่อย ถูกปาก แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของห้องเช่าก็มายกเลิกสัญญา

นั่นกลายเป็นบทเรียนแรกว่าการทำธุรกิจนั้นบางเรื่องอยู่เหนือการควบคุมของเรา ถ้าอยู่ในพื้นที่ของคนอื่น สุดท้ายมันก็คล้ายยืมจมูกคนอื่นหายใจ

แม้ว่าพ่อจะย้ายไปเปิดร้านใหม่ที่ห่างออกไปเพียงสามนาที แต่ลูกค้ากลับไม่คึกคักเหมือนเดิมอีกต่อไป โลเคชันเป็นสิ่งสำคัญมากในธุรกิจร้านอาหารในเวลานั้น จนในที่สุดธุรกิจก็ล้ม

สถิติที่เราเคยได้ยินบ่อยๆ คือ 90% ของธุรกิจสตาร์ตอัปนั้นจะล้มเหลว และบางทีแม้เจ้าของธุรกิจจะทำทุกอย่างได้ถูกต้องหมดแล้ว บางอย่างก็เหนือการควบคุมของอยู่ดี (เช่นเจ้าของที่ยกเลิกสัญญาเช่า)

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจที่อัลวินบอกก็คือการเริ่มทำในขณะที่ยังมีงานประจำอยู่ ทำเป็นงานอดิเรกก่อนแล้วค่อยดูว่ามันจะไปยังไงต่อ ถ้าเวิร์คค่อยคิดจะลาออกมาทำ ถ้าไม่เวิร์คก็จะไม่เจ็บตัวมากเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกสำหรับพ่อของเขา

3. เกรดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ควรเรียนให้จบ

พ่อของอัลวินเป็นคนที่ไม่สนใจการศึกษาสักเท่าไหร่ การเรียนเกรดก็ไม่ได้ดีมาก (อัลวินเองก็เช่นกัน) ความเชื่อของพ่อคือเกรดเป็นตัววัดความเฉลียวฉลาดของคนไม่ได้หรอก การสอบผ่านก็แค่เป็นเครื่องมือสำหรับเอาไปคุยให้คนอื่นๆ ฟังเท่านั้น

ความจริงของโลกที่อัลวินได้เรียนรู้คือ แม้เกรดจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่การมีใบแสดงการจบการศึกษาหรือใบประกาศฯ สักอย่างที่บอกว่าคุณมีความสามารถอะไรบ้าง ถือเป็นใบเบิกทางที่จำเป็นสำหรับโลกของการทำงานที่รายได้มั่นคงด้วย

หลายคนอาจจะมองว่าคนเรียนไม่จบอะไรมาก็รวยได้ ใช่ครับ แต่ตามสถิติแล้วคนที่จบมหาวิทยาลัยก็ยังถือว่ามีความได้เปรียบในเส้นทางสายอาชีพมากกว่า

4. เลือกคนข้างกายให้ดี

ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะช่วงที่พ่อของอัลวินมีเงินทอง หันไปทางไหนก็เจอเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลัง เวลาเพื่อนมีปัญหาการเงินก็ช่วยเสมอ

เพียงแต่ว่าเมื่อพ่อมีปัญหา หันไปทางไหนก็ไม่มีใครยอมยื่นมาช่วยเลย

แถมไม่พอ แม่ของอัลวินมีภาวะไบโพลาร์และหนึ่งในอาการของเธอช่วงขึ้นสุดคือการใช้เงินอย่างบ้าคลั่ง ซื้อยาสมุนไพรหลักหมื่นแสนแบบไร้เหตุผล แม้ตอนที่ธุรกิจของพ่อกำลังประสบปัญหาเธอก็ไม่หยุด สุดท้ายก็หย่ากันเพราะแม่ไปมีแฟนใหม่ การหย่าครั้งนั้นก็ทำให้พ่อสูญเสียความมั่งคั่งไปอีกไม่น้อย

แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาเคยบอกว่า

“คุณอยากจะแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่คุณอยากจะเป็น คุณก็จะขยับไปในทิศทางนั้น และคนที่สำคัญที่สุดในด้านนี้คือคู่ชีวิตของคุณ ผมไม่สามารถเน้นย้ำให้มากไปกว่านี้ได้แล้วว่าสิ่งนี่นั้นสำคัญแค่ไหน”

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับใคร ต้องแน่ใจด้วยว่าแนวทางและความคิดทางด้านการเงินไปในทิศทางเดียวกันด้วย

5. ไม่เกี่ยวว่าหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าท้ายที่สุดแล้วเก็บเงินได้เท่าไหร่ต่างหาก

อัลวินบอกว่าความเสียดายอย่างเดียวในชีวิตของพ่อคือ ‘ไม่ออมให้เยอะกว่านี้เมื่อมีโอกาส’

นั่นคือเหตุผลที่เขาแชร์เรื่องราวนี้ให้กับคนอื่นๆ เพื่อจะไม่ได้ทำซ้ำรอยความผิดพลาดแบบเดียวกันนี้

การหาเงินได้เยอะๆ ในช่วงเวลาหนึ่งแล้วภายในไม่กี่ปีก็ถังแตกไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เราเห็นคนถูกหวย คนมีชื่อเสียง ดารา นักร้อง นักกีฬา นักแสดง ฯลฯ เป็นแบบนี้กันไม่น้อย

เพราะฉะนั้นหาเงินได้มาก ก็ออมไว้เผื่ออนาคตด้วย

หาเงิน -> ใช้น้อยกว่าที่หามา -> ออมเงินแล้วลงทุน

การหาเงินในช่วงที่ยังแข็งแรง ออมไว้ให้เยอะพอเผื่ออนาคตที่จำเป็นต้องใช้

“จะได้เกษียณ โดยไม่เสียดาย มีความสุขและสุขภาพดีด้วย” อัลวินกล่าว