ถ้าพูดถึงประเทศเล็กๆ ที่ถึงขึ้นเล็กสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็คงจะหนีไม่พ้น “สิงคโปร์” เพราะมีขนาดพื้นที่เพียงครึ่งเดียวของกรุงเทพมหานครเท่านั้น และประชากรก็อยู่ราว 5.6 ล้านคน เรียกได้ว่าทรัพยากรของประเทศนี้มีจำกัดแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น “ที่ดิน” หรือ “มนุษย์” ก็ตาม
แต่ข้อจำกัดนี้ ถูกนำมาใช้เป็นหัวใจในการบริหารจัดการประเทศของสิงคโปร์ ด้วยหลักการ “ประหยัด” และ “มีประสิทธิภาพ” จนทำให้สิงค์โปรก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำในหลากหลายด้าน และล่าสุด สิงคโปร์มีแผนผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางของการจัดคอนเสิร์ตให้ได้อีกด้วย
สิงคโปร์ได้ตั้งเป้าที่จะเป็น “Concert hub” โดยมีคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) หรือ STB เป็นเจ้าภาพในการขับเคลื่อนโปรเจคนี้
STB ได้ทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากในการผลักดันให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางคอนเสิร์ตในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่กำลังจะจัดขึ้นด้วย ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศเดียวอาเซียนที่จัดคอนเสิร์ตสวิฟต์
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาสิงคโปร์ก็ได้จัดคอนเสิร์ตให้กับศิลปินชื่อดังระดับโลกหลานคน เช่น เลดี้กาก้า, โคลด์เพลย์, เอ็ด ชีแรน, จัสติน บีเบอร์, เรดฮอตชิลลี่เปเปอร์, มารูนไฟฟ์ และอีกมากมาย
ทำไมประเทศสิงคโปร์ถึงเป็นคำตอบของการจัดคอนเสิร์ต?
(1) การผลักดันเชิงนโยบาย
อย่างที่พูดถึงไปข้างต้น สิงค์โปรมีหน่วยงาน ที่ชื่อ "STB" คอยสนับสนุนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเงิน หรือการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ทำให้อุปสรรคในการจัดคอนเสิร์ตถือว่าน้อยมากๆ
(2) แฟนคลับมีจำนวนมาก
ยกตัวอย่าง ในคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่กำลังจะจัดขึ้น ในตอนแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 2, 3 และ 4 มีนาคม 2024 เท่านั้น แต่ล่าสุดเนื่องจากความต้องการที่มีเยอะมากๆ ทำให้ต้องเพิ่มรอบวันที่ 7, 8 และ 9 มีนาคม 2024 เข้ามาด้วย
รวมทั้งที่ผ่านๆ มา จากฐานแฟนคลับที่เยอะมากๆ Taylor Swift ส่งผลให้ความต้องการบัตรของผู้บริโภคมีมากกว่าความต้องการขายของผู้ผลิต ทำให้บัตรขายหมดไวมากๆ และ เหตุการณ์ที่ตามมาหลังจากบัตรหมด คือ Resale หรือ การอัพราคาขายบัตรหลังบัตรหมด ซึ่งราคาบัตรได้อัพไปสูงหลายเท่า แต่แฟนคลับก็ยังเต็มใจที่จะจ่าย ถึงขั้นว่ามีแฟนคลับที่เป็นเจ้าของร้านพิซซ่าในเมืองลุยเซียนา แลกบัตร 2 ใบ กับการกินพิซซ่าฟรี 1 ปีก็มี จากเหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการชมคอนเสิร์ตของสวิฟต์มีสูงมากๆ และแฟนคลับยังมีหลากหลายเชื่อชาติ หลากหลายเพศ หลากหลายวัย และ หลากหลายอาชีพ อีกด้วย
(3) สิงคโปร์มีทำเลที่ตั้งที่ดี
สิงคโปร์มีทำเลที่ตั้งที่ดี และได้เปรียบกว่าประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค และ ยังมีระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุม อีกทั้งยังมีสถานที่จัดงานอย่างสนามกีฬาแห่งชาติอย่าง Singapore Indoor Stadium, Singapore Sports Hub ซึ่งเคยจัดงานใหญ่ๆ มาแล้วหลายงาน ทั้งคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก รวมทั้งการจัดแข่งขันฟุตบอลของทีมใหญ่ๆ เช่น เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เรอัลมาดริด และอีกมากมาย
คอนเสิร์ตกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การผลักดันแผน “Concert hub” ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก เนื่องจากการจัดคอนเสิร์ตสัก 1 ครั้ง ทำให้หลายอุตสาหกรรมและหลายธุรกิจได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจจัดงาน Event ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร แม้กระทั่งธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการไปชมคอนเสิร์ตต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่าง คอนเสิร์ตของสวิฟต์ ก็ได้กระตุ้นเศรษฐกิจของทุกเมืองที่ไป เนื่องจากผู้ชมคอนเสิร์ตมีเยอะมากๆ ทำให้ช่วงเวลาที่จัดคอนเสิร์ตตามเมืองต่างๆ ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยเงินกันอย่างสนุกสนาน อย่างเมือง แอริโซนา, ลาสเวกัส, แอตแลนตา, บอสตัน และอีกหลายๆ เมือง โรงแรมหลายๆ ที่ที่มีการจัดคอนเสิร์ตก็เต็ม ร้านอาหารก็ขายดีมากๆ จนบางร้านทำเมนูพิเศษเกี่ยวกับสวิฟต์ออกมาขาย อีกทั้งยังมีเรื่อง เมือง เกลนเดล (Glengale) รัฐแอริโซนา เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “สวิฟต์ ซิตี้” (Swift City) เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อต้อนรับคอนเสิร์ตของสวิฟต์ และโปรโมตในฐานะเมืองแรกในการเปิดทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหม่ “The Eras Tour”
มองกลับมาที่บ้านเรา ประเทศไทยเองก็มีการจัดคอนเสิร์ตเยอะไม่แพ้สิงคโปร์ โดยประเทศไทยช่วงหลังโควิดที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าคอนเสิร์ตกลับมาบูมมากๆ ซึ่งประเทศไทยเองนับเป็นหนึ่งในตลาด K-POP ที่สำคัญมากๆ ทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญในการมาทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีหลายๆ วง เช่น BlackPink, iKon, Aespa, Red Velvet และ Treasure และอีกหลายๆวง อีกทั้งยังมีการจัดงาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัลของวงการ K-POP ซึ่งไม่ได้มีแค่ K-POP เท่านั้นที่จัดแสดงที่ไทย ยังมีอีกหลายศิลปินหลากหลายสัญชาติ ให้เราได้ดูกันแทบจะทุกเดือนตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว