ตั้งแต่เกิดโควิด-19 สภาพแวดล้อมของการลงทุนก็ค่อนข้างผันผวน เศรษฐกิจก็ฝืดเคือง ถึงแม้ในปัจจุบันสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นบ้างแล้วแต่เงินเฟ้อก็เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แถมแต่ละประเทศยังฟื้นตัวไม่พร้อมกันอีก ทำให้นักลงทุนอย่างเราต้องคอยปรับตัวและปรับพอร์ตการลงทุนของตัวเองอยู่เสมอ

นั่นจึงทำให้เกิดการลงทุนในธีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฮลแคร์ เทคโนโลยี หรือเน้นลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตสูง ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า ถ้าต้องไปลงทุนตามธีมหรือเปลี่ยนประเทศลงทุนกันบ่อยๆ คงจะไม่ไหว เพราะตอนนี้ก็มีการลงทุนให้เลือกเต็มไปหมดเลย

และสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหากองทุนผลการดำเนินงานดี มีการกระจายการลงทุนไปในหุ้นทั่วโลกและตอบโจทย์เรื่องออมเงินเพื่อการเกษียณ แถมได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วย aomMONEY ขอพาไปรู้จักกับ กองทุน LHGEQ จาก บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ออกมาหลายรูปแบบให้นักลงทุนได้เลือกสรรเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น SSF ชนิดสะสมมูลค่า, SSF ชนิดปันผล หรือ RMF กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งจะมีความน่าสนใจยังไง เราไปดูกันเลย!

กองทุน LHGEQ

เป็นกองทุนรวมประเภท Feeder Fund หรือ การนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียวนั่นก็คือ กองทุน T. Rowe Price Funds SICAV Global Focused Growth Equity Fund ที่มีการตั้งทีมเพื่อเข้ามาลงทุนและบริหารจัดการโดยเฉพาะครับ

นอกจากนี้ ยังมีทีมนักวิเคราะห์ที่ได้ไปศึกษาข้อมูลของแต่ละบริษัท เพื่อดูว่าบริษัทมีอนาคต มีธุรกิจที่จะเติบโตไปได้ และมี Return on Capital หรืออัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุนที่ดีด้วย

ทำไมกองทุน T. Rowe Price Funds ถึงน่าสนใจ?

ถ้าเพื่อนๆ ลองดูผลการดำเนินงานระยะยาว เราจะเห็นได้ว่า ผลตอบแทนมีความสม่ำเสมอและสามารถชนะดัชนีชี้วัดได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่กองทุนต้องการเพราะมันส่งผลดีต่อนักลงทุนทุกคนนั่นเองครับ

กองทุน LHGEQ มีกลยุทธ์การลงทุนยังไง?

กองทุน LHGEQ จะลงทุนแบบ Bottom Up หรือ การเลือกรายหุ้นว่าอยากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน เช่น ในอนาคต Facebook มีโอกาสได้ประโยชน์จากการที่โฆษณากลับเข้ามาเป็น Digital Advertising หรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำโฆษณาออนไลน์ต่างๆ ซึ่งในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไปเป็น Visual Advertising กองทุนก็จะเลือกลงทุนในหุ้นตัวนี้ครับ

โดยหุ้นแต่ละตัวที่เลือกมาจะต้องมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ก็คือจะดูผลตอบแทนจากการลงทุนว่าบริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้ว สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้เท่าไหร่ ถ้าลงทุนแล้วดีทางทีมวิเคราะห์กว่า 200 คนก็จะนำมาเปรียบเทียบ จะศึกษารายละเอียดแต่ละหุ้นแล้วดูว่าอนาคตของบริษัทมีการคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่จะนำมาเก็บไว้ใน Portfolio

สามารถใช้กองทุน LHGEQ จัดพอร์ตได้ยังไงบ้าง?

เพื่อนๆ สามารถใช้เป็น Core Portfolio หรือการลงทุนส่วนหลักได้ครับ เพราะว่าไม่ได้มีการลงทุนตามธีมต่างๆ ที่เป็นกระแส แต่จะลงทุนในหุ้นทั่วโลกและปรับน้ำหนักตามภูมิภาค บริษัท หรืออุตสาหกรรม ที่ทางกองทุนมองว่ามีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนกันได้ยาวๆ เลยครับ

โดยกองทุน LHGEQ ไม่ได้ผันผวนสูงเท่าการลงทุนตามธีมต่างๆ ที่เป็นลักษณะของ Thematic ซึ่งกองลักษณะดังกล่าวนั้น ถ้าเราลงถูกจังหวะตลาดก็อาจจะทำกำไรได้สูงแต่ขณะเดียวกันถ้าจังหวะที่ตลาดหมุนเงินไปยังกลุ่มอื่นก็อาจทำให้ผลตอบแทนปรับตัวลงอย่างมากได้เช่นกัน  แต่สำหรับ LHGEQ ที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรมและหลายประเทศทั่วโลกถ้าดูในแง่ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนถือว่าทำได้สม่ำเสมอและมีความผันผวนที่ต่ำกว่า

ผลตอบแทนของกองทุน LHGEQ เป็นยังไง?

ถ้าเพื่อนๆ ลองดู Year to Date (YTD) จะเห็นว่าผลตอบแทนน้อยกว่าดัชนีชี้วัด แต่ก็ถือว่ายังทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ เพราะถ้าลองดูผลตอบแทนที่ยาวออกไปอีกในระยะ 1-10 ปี เราจะเห็นว่า กองทุนสามารถทำผลงานชนะดัชนีชี้วัดได้อย่างสม่ำเสมอเลยครับ แสดงถึงผลตอบแทนระยะยาวที่โดดเด่นมาก และเหมาะสำหรับเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีที่มีเงื่อนไขการถือครองที่ค่อนข้างยาว

และถ้าเราลองมาดูที่ Performance ของกองทุน เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดตอนที่เป็นขาขึ้นและขาลง มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ ตอนที่ดัชนีชี้วัดเป็นขาขึ้นแล้วมีผู้จัดการกองทุนเข้ามา ผู้จัดการกองทุนสามารถเอาชนะได้ในเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ เช่น ถ้าดัชนีชี้วัดขึ้น 100% กองทุนก็จะขึ้นเกิน 100%

แต่ในทางกลับกัน กองทุนไม่ได้ทำได้ดีแค่ตอนขาขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อเป็นขาลงก็สามารถป้องกันความเสี่ยงได้เหมือนกัน โดยสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดเมื่อเป็นขาลงด้วยการลงได้น้อยกว่าครับ

อนาคตการลงทุนของกองทุน LHGEQ จะเป็นอย่างไร?

สำหรับ Master Fund ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมครับ เพราะเลือกจากบริษัทที่มีแนวโน้มในผลการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น มีผลตอบแทนการลงทุนและอัตราส่วนผลตอบแทนกับความเสี่ยงที่ดีด้วย

และในอนาคต Master Fund ถูกคาดการณ์มาว่า ใน 3 ปีจะเติบโตประมาณ 24% ซึ่งเป็นตัวที่บอกว่าจะมีการเติบโตในอนาคต เช่น ถ้ารายได้โตแล้วตลาดอยากให้ P/E เท่าเดิม ประเมินมูลค่าเท่าเดิม ตัวราคาก็ควรจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้ารายได้โตขึ้นแต่ราคาหุ้นไม่ขึ้นเลย มันก็คงจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ครับ

กองทุน LHGEQ เหมาะกับใคร?

1. LHGEQ-ASSF (ชนิดสะสมมูลค่า) เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา เพราะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรับรายได้จากส่วนต่างของการลงทุน และสะสมผลประโยชน์จากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

2. LHGEQ-DSSF (ชนิดปันผล) เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา เพราะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรับรายได้สม่ำเสมอจากเงินปันผลระหว่างถือครอง

3. LHGEQ-RMF เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบผูกผันระยะยาวเพื่อการเลี้ยงชีพหลังเกษียณอายุ และเนื่องจากเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และจะไถ่ถอนได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปีบริบูรณ์ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี

4. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

5. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในหุ้นหลากหลายที่มีศักยภาพในการเติบโตของรายได้ที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยและมีการเติบโตแบบยั่งยืน

6. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของราคาที่กองทุนลงทุนได้ เพราะอาจจะปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าการลงทุนและทำให้ขาดทุนได้

7. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ

8. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เพราะกองทุนนี้จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจการลงทุนในหุ้นทั่วโลกและต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือ โทรไปที่ 02-286-3484 หรือ www.lhfund.co.th

***คำเตือน***

1. การลงทุนในหน่วยลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน รวมทั้งไม่ได้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันเงินฝาก จึงมีความเสี่ยงจากการลงทุนที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน

2. เนื่องจากกองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทางกองทุนทำการป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

3. กองทุนต่างประเทศอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง

4. กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสภาวะตลาด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุนและสภาพคล่อง

5. กองทุนหลักที่กองทุนรวมไปลงทุนมีสัดส่วนการลงทุนกระจุกตัว ดังนั้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของตัวเองด้วย

บทความนี้เป็น Advertorial