เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา TMBAM Eastspring ได้ประกาศปิดกองทุนตราสารหนี้ จำนวน 4 กองทุน คือ

  • 1.กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน (TMBUSB) 
  • 2.กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ (TMBBABF) 
  • 3.กองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส (TMBTHANAPLUS) 
  • 4.กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล (TMBBF)

เพื่อนๆ หลายคนก็มีคำถามมาหลังบ้าน aomMONEY มากมายครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วคนที่ถืออยู่จะทำยังไงต่อดี แล้วกองทุนตราสารหนี้ตัวอื่นจะเป็นยังไง?

วันนี้ aomMONEY เลยอาสาสรุปจาก Live กองทุนไหนดีเทปพิเศษที่พี่นัท คลินิกกองทุน และพรี่หนอม TaxBugnoms ได้จัดขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อตอบคำถามประเด็น "ปิดกองทุนตราสารหนี้" โดยสรุปเป็นบทความให้เพื่อนๆ อ่านกันง่ายๆ ครับ ดังนี้ครับ

สาเหตุที่ต้อง "ปิดกองทุนตราสารหนี้" ทั้ง 4 คืออะไร?

อย่างแรกเพื่อนๆ ต้องมาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อนครับว่า “ค่า NAV ของกองทุนหรือมูลค่าของหน่วยลงทุนของกองทุนรวม” ของกองทุนตราสารหนี้ที่ “ขึ้น-ลง” ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ

  • 1. อัตราที่เป็นอัตราดอกเบี้ยกลาง ณ วันนั้น 
  • 2. เครดิตเรตติ้ง หรือ ความหน้าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้น
  • 3. ภาวะตลาดการซื้อขายของตราสารหนี้หรือความต้องการซื้อหรือขายตราสารหนี้ ณ ช่วงเวลานั้นๆ

ซึ่งข้อ 3 น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการปิดทั้ง 4 กองทุนครับ เนื่องด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนต่อบริษัทลดลง มีความกังวลว่าบริษัทอาจจะจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือตราสารหนี้ไม่ไหว อีกทั้งนักลงทุนหลายคนต้องการถือเงินสด เพราะมีสภาพคล่องที่สุด จึงเร่งขายออกมาเพื่อถือเงินสดไว้ หรือนำเงินไปซื้อสินทรัพย์อื่นต่อ

เพราะฉะนั้น TMBAM Eastspring ที่เป็นบริษัทจัดการกองทุน จึงมีความจำเป็นต้องปิดกองทุนทั้ง 2 กองทุน เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ตามข้อกำหนดของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และโครงการจัดการกองทุนรวมครับ

แต่ทั้ง 4 กองทุน ลงทุนในตราสารหนี้ที่ดูมีคุณภาพและทาง กลต. กับ ธปท. เอง ก็เพิ่งประกาศนโยบายช่วยเหลือ ทำไมยังต้องปิดกองทุนอีก?

ถ้าอ้างอิงจากตามประกาศของกลต.และ ธปท.ที่จะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้นั้น มีเกณฑ์ว่า “ต้องเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและลงทุนในประเทศเท่านั้น” ซึ่งได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชน A- ขึ้นไป ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 แต่ทั้ง 4 กองทุน แม้จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ แต่ไม่เข้าเงื่อนไขที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว เพราะมีการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ โดยความเห็นส่วนตัวของ “หมอนัท คลินิกกองทุน” มองว่าจากแรงเทขาย ผู้จัดการกองทุนน่าจะคิดว่าการปิดกองในตอนนี้ จะได้รับผลกระทบเรื่องของราคาน้อยที่สุดครับ

แล้วคนที่ถือทั้ง 4 กองทุนนี้ จะต้องทำอย่างไร?

สำหรับเพื่อนๆ ที่ถือกองทุนที่ปิดไป โดยที่ยังไม่ได้ขายคืน ก็ให้กลับไปดูกระบวนการคืนเงินของ บลจ. ถ้าใครเป็นลูกค้าของบลจ. นั้น ๆ อยู่แล้ว ก็จะมี Email เข้ามาแจ้งในรายละเอียดส่วนนี้ ส่วนคำถามที่ว่าจะได้เงินคืนกลับมาเท่าไหร่ ต้องรอกระบวนการของ บลจ. ที่จะทยอยขายสินทรัพย์ในกองทุนออกมาซึ่งน่าจะมีกำหนดประมาณ 90 วัน และเงินที่ได้ก็อาจจะมากหรือน้อยกว่าเงินต้นที่ลงทุนไป ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินทรัพย์ครับ

มีข่าว "ปิดกองทุนรวมตราสารหนี้" แบบนี้ในอนาคตยังน่าลงทุนอยู่มั้ย?

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็น learning curve ใหม่ครับ เพราะแต่ก่อนเรามักจะบอกกันว่ากองทุนตราสารหนี้ มีความเสี่ยงน้อย ดั้งนั้นเราต้องมองมุมใหม่แล้วว่า ลงทุนตราสารหนี้ก็ต้องเลือกคุณภาพมากขึ้น กรองมากขึ้น เรายังลงทุนได้เหมือนเดิม

ส่วนใครที่มีกองทุนตราสารหนี้อยู่ตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งตื่นตกใจและรีบเทขาย เพราะอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ให้เช็กคุณภาพตราสารหนี้ที่ถืออยู่และทิศทางของกองในตอนนี้ เพราะหลายๆ กองทุนก็ยังบริหารจัดการได้ดีอยู่ครับ

คำแนะนำจากหมอนัท คลินิกกองทุน

ผมว่าช่วงวิกฤตเป็นช่วงที่ดีครับ เราได้เห็นแล้วว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเวลาลงทุนอย่ายึดติดแค่สถิติย้อนหลัง หรือคิดว่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้ว อนาคตจะไม่เกิดขึ้นอีก ปัจจุบันมันก็พิสูจน์แล้วว่าไม่จริงเสมอไป เวลาลงทุนพยายามมองไปข้างหน้าให้มากขึ้น มองความเสี่ยงให้มากขึ้น เน้นลงทุนกับสินทรัพย์คุณภาพครับ 

ขอบคุณครับ

บ.ก.aomMONEY


ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH

กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/


ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก 

https://www.prachachat.net/prachachat-top-story/news-440309