เชื่อว่าจากสถานการณ์ในช่วงนี้ เพื่อนๆ หลายคนน่าจะตระหนักถึงความสำคัญของประกันสุขภาพกันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยใช่ไหมครับ วันนี้ aomMONEY ขออาสาพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันสุขภาพ รวมถึง "วิธีเลือกซื้อประกันสุขภาพ" ตัวแรกสำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกคนครับ ก่อนจะซื้อ..ต้องรู้จักประกันสุขภาพแต่ละประเภทก่อน

ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD)

คือ แผนประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตามสัญญาของเราในกรณีที่เราป่วยและมีความเห็นจากแพทย์ว่าต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD)

คือ แผนประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตามสัญญาของเราในกรณีที่เราเข้ารักษาและแพทย์วินิฉัยว่าไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง (ECIR)

คือ แผนประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่าย หรือลักษณะที่เจอ จ่าย และจบปิดสัญญาเลยในกรณีที่เราเจอโรคร้ายแรงตามที่เราทำประกันไว้ครับ

ประกันอุบัติเหตุ (PA)

คือ แผนประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตามสัญญาที่เราทำไว้ในกรณีที่เราบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ประกันชดเชยรายได้

คือ แผนประกันสุขภาพที่จะจ่ายเงินให้เราในกรณีที่เราต้องนอนโรงพยาบลตามแพทย์สั่ง ไม่ว่าจะด้วยการรักษาโรคหรืออุบัติเหตุครับ

เห็นแบบนี้เพื่อนๆ คงมีคำถามใช่มั้ยครับว่าแล้วแบบนี้เราจำเป็นต้องซื้อทั้งหมดทุกแบบเลยมั้ย จะเลือกซื้อยังไงดีถึงจะเหมาะสม ไม่มากจนเกินไป บ.ก.ขอสรุปวิธีการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ในแบบฉบับ aomMONEY ให้อ่านกันตามนี้ครับ

4 วิธีช่วยตัดสินใจ เลือกซื้อประกันสุขภาพตัวแรก

1. วิเคราะห์ตัวเองว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง

สิ่งสำคัญที่สุดเลย คือ เราต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเรามีความเสี่ยงที่อะไรบ้าง เช่น ความเสี่ยงด้านโรคกรรมพันธ์ ความเสี่ยงจากการใช้ชีวิต ความเสี่ยงจากอาชีพ เป็นต้น เพื่อเราจะได้มาจัดสรรเงินที่เรามีอยู่ว่าควรแบ่งซื้อประกันสุขภาพประเภทไหนบ้าง

2. สิทธิพื้นฐานด้านสุขภาพ

หลังจากที่เราวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว เราก็มาดูกันต่อว่าเรามีสิทธิการรักษาพยาบาลอะไรบ้างที่ได้รับ เช่น ประกันสังคม บัตรทอง หรือใช้สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อเราจะได้ดูต่อว่าสิทธิที่เรามีอยู่ครอบคลุมค่ารักษาอะไรบ้าง ครอบคลุมเท่าไร คิดว่าเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลของเราไหม เพราะบางคนมีข้อจำกัน เช่น ต้องเข้ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชน หรือไม่สะดวกห้องรวมต้องเป็นห้องพิเศษเท่านั้น ข้อจำกัดพวกนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยครับดังนั้นเราจะเลือกประกันตามใครไม่ได้

3. เบี้ยประกัน

ส่วนนี้ก็สำคัญ เพราะเบี้ยประกันสุขภาพเราต้องจ่ายเป็นรายปีครับ บางคนอาจจะตั้งไว้งบไม่เกิน 15,000 บาท เพราะเบี้ยประกันส่วนนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท และเขาคิดแล้วว่าประกันในงบเท่านี้ครอบคลุมแล้ว หรือบางคนอาจจะใช้สูตร 10 - 15% ของรายได้ทั้งปี ก็เป็นอีกแนวคิดหนึ่งครับ แต่ผมอยากให้เริ่มจากเท่าที่กำลังทรัพย์เราไหวก่อน ซื้ออันที่จำเป็นก่อน หากเรามีรายได้เพิ่มค่อยขยายความคุ้มครอง อย่าถึงขนาดที่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อทำประกันครับ

4. ความมั่นคงของคนข้างหลัง

บางคนมีครอบครัวหรือคนที่ต้องดูแลเรื่องนี้ก็ไม่สามารถละเลยได้ครับ เช่น เราเป็นเสาหลักของครอบครัว มีอาชีพเป็นฟรีแลนซ์หากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาก็จะไม่มีรายได้ก็อาจจะต้องเลือกทำประกันชดเชยรายได้ระหว่างที่เราพักรักษาตัวเพื่อที่จะมีเงินมาจุนเจือในช่วงนั้นครับ

บ.ก.ขอยกตัวอย่าง

สมมุติ บ.ก.เป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานช่วงเวลากลางคืน ชอบปั่นจักรยานไปทำงาน ไม่ค่อยเจ็บป่วย2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปโรงพยาบาลเลย แต่ถ้าต้องนอนโรงพยาบาลขอห้องพิเศษนะครับ คุณพ่อคุณแม่เป็นข้าราชการและมีญาติเคยมีประวัติคนเป็นมะเร็ง ถ้าดูแบบนี้แล้วความเสี่ยงและความต้องการของ บ.ก.จะส่งผลต่อการเลือกซื้อประกันสุขภาพดังนี้ครับ

1. ประกันโรคร้ายแรง

เพราะครอบครัวเคยมีคนเป็นมะเร็ง และเป็นโรคที่เกี่ยวกับกรรมพันธ์ุ ที่ผมเลือกประกันโรงร้ายแรงขึ้นก่อน เพราะผมเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นครับ และประกันกลุ่มนี้ถ้าเราเป็นแล้วเราจะทำไม่ได้ ต้องทำก่อนเป็นครับ

2. ประกันผู้ป่วยใน

เพราะมีความต้องการนอนห้องพิเศษ ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทอยู่แล้วก็จะมีสิทธิประกันสังคมจ่ายได้ส่วนหนึ่ง ประกันผู้ป่วยในก็ให้เลือกที่มีวงเงินบวกกับสิทธิประกันสังคมแล้วครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและห้องพิเศษในโรงพยาบาลที่เราจะไปรักษาครับ

3. ประกันอุบัติเหตุ

เพราะผมชอบปั่นจักรยานไปทำงานตอนกลางคืน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้สูง ประกันนี้ส่วนใหญ่ราคาไม่สูงครับ

4. ประกันชดเชยรายได้

เนื่องจากเป็นพนักงานบริษัท อยู่แล้วครอบครัวก็เป็นข้าราชการก็อาจจะยังไม่จำเป็นตอนนี้ รวมถึงประกันผู้ป่วยนอกด้วยครับเพราะเป็นคนไม่ค่อยเข้ามาสถานพยาบาล แต่ถ้ามีเงินเหลือพอที่จะทำให้ก็อยากให้ทำติดไว้นะครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ หวังว่าช่วยเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อประกันสุขภาพกันบ้างนะครับ aomMONEY อยากย้ำอีกทีนะครับว่า “ประกันสุขภาพ” ช่วยเราบริหารความเสี่ยงในเรื่องของค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลได้ แต่ควรเลือกให้เหมาะสมคุ้มค่ากับเราที่สุดนะครับ

ด้วยความหวังดีครับ

บ.ก.aomMONEY

ติดตามเรื่องการเงินการลงทุน จาก aomMONEY

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH

กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/