อากาศร้อนกับ คนไทยเป็นของคู่กัน ประโยคที่เรามักพูดเล่นกันบ่อยๆ แต่ความร้อนกับประเทศไทยมันชักจะเลยเถิดขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว เพราะงานวิจัยหลายแห่งก็ชี้ให้เห็นว่าไทยเราร้อนขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และในบทความ ‘Too Hot to Live’ ของ Earth.org ก็ได้ผลสรุปออกมาว่าในปี 2070 ค่าความร้อนไทยจะเติบโตเทียบเท่ากับ ‘ทะเลทรายซาฮารา’ เลยทีเดียว
เมื่อร้อนขนาดนี้ หลายคนก็ทำทุกวิถีทางเพื่อดับร้อน ทั้งอาบน้ำ กินน้ำเย็น แต่ที่ได้ผลที่สุดก็คงเป็นการเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะแก้ร้อนได้อยู่หมัด แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศทั้งวันก็กินค่าไฟมหาศาลอีก งานนี้อับจนหนทางชนิดที่ว่าคงมีแค่ของวิเศษจากโดเรมอนเท่านั้นแหละที่ช่วยได้
แต่พอพูดถึงของวิเศษ ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เรามีของวิเศษอยู่หนึ่งอย่างที่พอทาแล้วก็เย็นขึ้นมาทันที จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘แป้งเย็น’ ที่อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่ยุคโบราณ สินค้าขายดีสำหรับทุกบ้าน จนชาวต่างชาติก็ต้องบินมาซื้อ
วันนี้ aomMONEY จึงจะพาทุกคนไปเจาะแบรนด์แป้งเย็นที่คุ้นหูกันอย่างดี กับ ‘แป้งเย็นตรางู’ กระป๋องเหล็กที่เชื่อว่าหลายบ้านต้องมีติดไว้ ว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์เป็นอย่างไร และทำไมแป้งเย็นถึงเป็นเหมือนไอเทมวิเศษที่ทาปุ๊บเย็นได้ทันที มาดูกัน
แป้งเย็นตรางู ของคู่คนไทยมากว่า 72 ปี
เดิมที ‘ตรางู’ มีชื่อเต็มว่า ‘ห้างขายยาอังกฤษ’ (British Dispensary) ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2435 โดยนายแพทย์โทมัส เฮย์วาร์ด เฮย์ และดร.ปีเตอร์ กาแวน โดยตั้งเป้าเป็นร้านขายยาทันสมัย เชื่อถือได้ด้วยการดูแลของเภสัชกรที่ประจำอยู่หน้าร้าน และได้เปลี่ยนมือผู้บริหารมาสู่คนไทยในปี พ.ศ. 2471 โดยหมอล้วน ว่องวานิช ซื้อกิจการมาบริหารต่อ พร้อมทั้งเริ่มคิดค้นพัฒนาสูตรสินค้าต่างๆ จนกลายผลิตภัณฑ์ ‘แป้งเย็น’ ในปี พ.ศ. 2490
เอกลักษณ์หนึ่งที่เราเห็นกันในแป้งเย็นตรางู คือการใช้กระป๋องเหล็ก โดยแนวคิดของหมอล้วนที่ต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถกักเก็บประสิทธิภาพของแป้งได้มากขึ้น แม้จะเกิดการขาดแคลนกระป๋องเหล็กเพราะต้องนำเข้า แต่สุดท้ายก็ผลิตได้เองจนแก้ปัญหาไป
ต่อมาทางแบรนด์ได้มีการค้นคว้า และพัฒนาสินค้าเพิ่มเติม เช่น ยาแก้ไข้เด็ก ยาแก้ไอเด็ก ยาแก้หวัดเด็ก ยาแก้ไอน้ำดำ น้ำมันเซนลุกซ์ และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสินค้าด้านเวชภัณฑ์ ซึ่งอิงกับสัญลักษณ์ของแบรนด์ ที่ ‘งู’ หมายถึง อสรพิษ สื่อถึงโรคร้าย ส่วน ‘ลูกศรที่ปักกลางตัวงู’ หมายถึงการที่โรคร้ายถูกกำจัด เปรียบเสมือนยารักษาโรคนั่นเอง
‘เมนทอล’ ความลับของแป้งเย็นที่ทำให้เรา ‘ทาปุ๊บ เย็นปั๊บ’
จริงๆ แล้ว ‘เมนทอล’ เป็นสารที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะในอาหารจำพวกขนมหลายชนิดก็มีการผสมเมนทอลลงไปด้วย ซึ่งตัวเมนทอลเองก็นับว่ามีความปลอดภัยในเบื้องต้น เพราะเป็นสารที่สกัดได้จากพืช อย่าง สะระแหน่ หรือมินต์ จึงสามารถใส่ลงในอาหาร หรือแป้งได้ แต่ก็ต้องได้รับการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใกล้ชิดด้วย
โดยตัวเมนทอลจะเข้าไปจับกับเซลล์ประสาทรับความรู้สึก และส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนรับรู้อุณหภูมิทำให้เรารู้สึกเย็น แม้ว่าอุณหภูมิจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้การทาแป้งเย็นออกไปตากความร้อนนอกบ้าน อาจช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวจากความร้อนได้ และอาจลดเหงื่อลงได้บ้าง แต่ด้วยความที่อุณหภูมิจริงไม่เปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้เรายังได้รับผลกระทบจากความร้อนอย่างเช่น ฮีตสโตรกได้อยู่ จึงควรระมัดระวังการอยู่ในที่แดดจัด และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อลดอุณหภูมิจริงไม่ให้ร้อนจนเกินไปด้วยนั่นเอง
เบอร์สอง ตลาดแป้งเย็นไทย มูลค่า ‘2,000 ล้านบาท’ กวาดรายได้ปี 2565 กว่า 50 ล้านบาท
ปี 2563: รายได้ 79 ล้านบาท กำไร 1.7 ล้านบาท
ปี 2564: รายได้ 70 ล้านบาท กำไร 2.3 ล้านบาท
ปี 2565: รายได้ 51 ล้านบาท กำไร 143,739 บาท
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
แม้ปัจจุบันจะเป็นเบอร์สองของตลาดแป้งเย็น (รองจากเบอร์หนึ่งอย่าง Protex) แต่ตรางูก็ครองส่วนแบ่งกว่า 25% ในตลาด และมีแผนจะเพิ่มส่วนแบ่งให้เป็น 30% ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท โดยเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘แป้งเย็นตรางู ไวลด์ ทานาคา’ ที่เจาะลูกค้ากลุ่มรักสวยรักงาม และมุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์เป็นหลักเพื่อตอบรับกับยุคสมัย
จะเห็นได้ว่าไอเทมประจำบ้านอย่างแป้งเย็นตรางู ที่แม้จะมีความเก่าแก่ และอยู่คู่กับเรามานานกว่า 7 ทศวรรษ แต่แบรนด์เองก็ยังมีการปรับตัวเข้าหาลูกค้า ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์การตลาด จนสามารถครองเบอร์สองในตลาดแป้งเย็นได้ จึงเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อยเลยว่า วันหนึ่งไอเทมชิ้นโปรดของใครหลายคนนี้จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดแป้งเย็นในอนาคตได้หรือไม่
เขียน: ชลทิศ ทองไพจิตร
ภาพ: ภควดี เขมะพานิช