ในช่วงนี้อะไร ๆ ก็ดูไม่แน่นอนใช่มั้ยครับ อย่างกรณีเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ดูทีท่าว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงขึ้นหรืออย่างเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่เห็นข่าวเงียบๆ ไป แต่ความจริงก็ยังเป็นภัยเงียบที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และจัดการความเสี่ยงสุขภาพของตัวเราเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเลยทีเดียวครับ เพราะถ้าเราเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาฉุกเฉินขึ้นมา นอกจากเสียเวลา เสียสุขภาพในระยะยาวแล้ว “เงิน” ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เราต้องเสียไปด้วยครับ ไหนจะรายได้ที่หายไปจากการพักรักษาตัวอีก  เพราะฉะนั้นเราจึงควรหาวิธีปกป้องเสี่ยงของเงินเก็บ ที่มีโอกาสจะสูญไปกับค่ารักษาพยาบาลครับ

และหนึ่งในทางเลือกนั้นที่ aomMONEY มองว่ามีประโยชน์และใช้งานได้จริง คือ  ประกันสุขภาพ ที่จะช่วย Cover ค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลหรือถ้ามีส่วนต่างก็ไม่ต้องจ่ายมากจนหมดตัวครับ

ประกันสุขภาพ VS ประกันชีวิต ต่างกันอย่างไร?

ขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ ประกันชีวิต คือ ประกันที่คุ้มครองจากการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพตามแต่ละความคุ้มครองของกรรมธรรม์ที่เราได้ทำไว้

ส่วน ประกันสุขภาพ เป็นประกันที่คุ้มครองเราในกรณีต่าง ๆ ที่เราทำสัญญาไว้ เช่น การรักษาพยาบาลจากโรค อุบัติเหตุ ชดเชยรายได้กรณีที่เราต้องรักษาตัวและนอนโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนของค่ารักษาให้เราได้ครับ ดังนั้นประกันชีวิตกับประกันสุขภาพเป็นคนละแบบกันนะครับ

โดยทั่วไปมีทั้งประกันสุขภาพแบบจ่ายเดี่ยวๆ หรือประกันชีวิตพ่วงสุขภาพก็มีครับ ทั้งนี้ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเองและกำลังจ่ายครับ

ข้อดีของคนมี ประกันสุขภาพ

จริงอยู่ที่หลายคนคิดว่า สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคมก็สามารถใช้รักษาได้เช่นกัน แต่ว่าความแตกต่างอย่างแรกเลย ถ้ามีประกันสุขภาพก็แทบจะสามารถเข้าได้ทุกโรงพยาบาลที่ประกันเราทำสัญญาไว้ครับ ไม่เหมือนประกันสังคมที่ต้องเข้าในสถานพยาบาลตามสิทธิเท่านั้น

อันนี้จากประสบการณ์ตรง บ.ก.เลยครับ ป่วยเป็นหวัดใหญ่สายพันธุ์ A แต่เลือกเข้ารพ.คนละที่กับสิทธิประกันสังคม โดยเลือกใช้ประกันสุขภาพแทนครับ ค่ารักษาหลักหมื่น ส่วนต่างจ่ายไปหลักร้อยครับ

ส่วนข้อดีอื่นๆ นั้น บ.ก.มองว่าแบบนี้ครับ

  1. ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา : แม้ว่าปกติสิทธิพื้นฐานอย่างบัตรทอง และประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว แต่การรักษาด้วยเพียงสิทธิพื้นฐานอย่างเดียวอาจจะไม่ครอบคลุมเพียงพอต่อค่ารักษาทั้งหมด และมีค่าส่วนต่างครับ  แต่หากเรามีประกันสุขภาพ ก็จะสามารถเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้ โดยเราสามารถใช้ร่วมกันกับประกันสังคมได้ครับ
  2. สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไหนก็ได้ : อย่างที่เล่าตอนแรกครับ ข้อนี้ทำให้ประกันสุขภาพ โดดเด่นจากบัตรทองและประกันสังคมที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เราขอรับสิทธิ์ไว้เท่านั้น ยกเว้นกรณีที่ฉุกเฉินจริง หรือมีการส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัดเราไปครับ ก็ถือได้ว่าค่อนข้างสะดวกกว่าครับ 
  3. ใช้ลดหย่อนภาษีได้ : เราสามารถนำเบี้ยที่จ่ายประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท/ปี แยกจากประกันชีวิต และประกันบำนาญนะครับ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลให้การสนับสนุนให้คนมีประกันสุขภาพครับ

คำแนะนำจาก บ.ก. aomMONEY

  1. ประกันสุขภาพกับประกันสังคมใช้ร่วมกันได้ครับ 
  2. .ถ้ามีประกันสุขภาพหลายตัวก็ใช้ร่วมกันได้เช่นกันครับ 
  3. ประกันสุขภาพเป็นเบี้ยจ่ายทิ้งรายปีครับ เลือกความครองที่เหมาะสมและจ่ายค่าเบี้ยไหวนะครับ  
  4. เช็คกับทางโรงพยาบาลที่เราต้องการใช้สิทธิเรื่องการจ่ายด้วยว่า รับประกันเจ้านี้ / ต้องสำรองจ่ายมั้ย จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังครับ  

สุดท้ายแล้ว “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” แต่ "กันไว้ก็ดีกว่าแก้ครับ” 

อย่าให้เงินก้อนทั้งชีวิต ต้องมาหมดลงด้วยค่ารักษาพยาบาลเลย 

ขอบคุณครับ

บ.ก. aomMONEY


ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH

กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/


ขอบคุณข้อมูลจาก 

https://www.posttoday.com/finance-stock/insurance/495687%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20PM%202.5