ถ้าลองค้นหาใน Google ด้วยคำว่า “ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี” เชื่อเลยครับว่าจะต้องมีรายชื่อประกันขึ้นมามากมายให้เลือกกัน ซึ่งแต่ละประเภทจะถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป

แต่คำถามที่เราควรถามตัวเองต่อคือ "ประกันที่เราจะเลือกซื้อนั้น เราต้องการอะไร?"

ถ้าหากใครอยากได้เพียงเพื่อลดหย่อนภาษี พรี่หนอมขอบอกเลยครับว่า จะซื้ออะไรแบบไหนก็เหมือนกัน เพราะเงินทุกบาทที่จ่ายไปนั้นมันใช้ลดหย่อนภาษีได้เท่ากันนั่นแหละครับ แต่ถ้าเราลองมองเพิ่มเติมไปถึงสิ่งที่เราจะได้จากการทำประกันชีวิตกันดูบ้าง เราจะเห็นว่านอกเหนือจากการลดหย่อนภาษีแล้ว เราควรได้รับอย่างอื่นด้วย เช่น ความคุ้มครองชีวิตในช่วงเวลาที่ต้องการ หรือ การได้รับเงินก้อนกลับมาเมื่อถือกรมธรรม์ครบตามระยะเวลาที่กำหนด 

สำหรับคนที่อยากใช้ "ประกันชีวิตเพื่อสร้างเงินออม" นั้น มักจะเลือก "ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment)" ซึ่งเป็นประกันชีวิตที่เน้นการออมเงิน ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้แน่นอนตามกรมธรรม์ โดยมีทั้งแบบระยะสั้น กลาง ยาว ตั้งแต่ 3-5 ปี ยาวไปจนถึง 25-30 ปีขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันสะสมทรัพย์แต่ละประเภทที่กำหนดไว้

ข้อดีของประกันประเภทนี้ คือ การเก็บออมเงินเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ ถ้าหากเราเป็นคนที่มีเป้าหมายในอนาคตว่าต้องการเงินก้อนที่มีจำนวนแน่นอนแบบพลาดไม่ได้ เช่น ดาวน์รถ ดาวน์บ้าน แต่งงาน หรือเงินก้อนอื่นๆตามเป้าหมายที่ต้องการ ประกอบกับเราเองก็ต้องเสียภาษี ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์อาจจะเป็นอีกตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์ของเราครับ (อย่าลืมเช็คเงินในกระเป๋าด้วยนะครับ อิอิ)

แต่อีกข้อหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจสำหรับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ นั่นคือ ทุนประกันของประกันประเภทนี้จะไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับประกันชีวิตแบบอื่นๆ ที่เน้นคุ้มครองความเสี่ยงเป็นหลัก เช่น แบบตลอดชีพ หรือ ชั่วระยะเวลา แต่ก็แลกมาด้วยการได้เงินคืนตรงตามเวลาที่ต้องการและผลตอบแทนที่เพิ่มพูนขึ้นมาแทนนั่นแหละครับ

เห็นไหมครับว่าสิ่งสำคัญจริงๆ คือ การพิจารณาสิ่งที่เราต้องการ (ประเภทประกัน) สิ่งที่เราได้รับนอกเหนือจากเครื่องมือลดหย่อนภาษี (เงินก้อนตามเวลาที่กำหนด หรือ ความคุ้มครอง) ร่วมกับการมีเงินทยอยจ่ายสะสมตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต (กระแสเงินสด) ร่วมกับการพิจารณาสิ่งที่บริษัทประกันชีวิตนำเสนอให้กับเราในด้านต่างๆ เช่น เรื่องของความคุ้มค่าในเรื่องของระยะเวลาชำระค่าเบี้ยประกัน (ความคุ้มครอง) การรับเงินจ่ายคืนในแต่ละปี (ตามที่กรมธรรม์กำหนด) และ ผลประโยชน์ที่ได้รับตลอดสัญญา (จำนวนเงินที่เราต้องการ) หรือสรุปได้ว่า ประกันสะสมทรัพย์ที่ดีควรจะมี ระยะเวลาในการออมสั้น แต่ได้รับความคุ้มครองนาน ได้เงินคืนเร็ว แถมยังได้รับผลตอบแทนสูง นั่นเองครับ

จากประสบการณ์ของพรี่หนอมเองที่ได้มีโอกาสคลุกคลีข่าวสารด้านประกันชีวิตกับเพื่อนๆ ในแวดวงมาบ้าง ก็พอได้ยินมาว่ามีแบรนด์ประกันชีวิตที่น่าสนใจหลายแบรนด์อยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มค่าและบริการ

ซึ่งหนึ่งในนั้นที่พรี่หนอม อยากลองหยิบยกขึ้นมาพูดถึงคือแบรนด์ "อาคเนย์ประกันชีวิต" นั่นเองครับ

ถามว่าความน่าสนใจของประกันชีวิตจากอาคเนย์คืออะไร?

พรี่หนอมเลยอยากจะบอกว่าตอนนี้เขามีแผนประกันที่หลากหลายมากครับ แถมยังมีแนวคิดที่น่าสนใจคือ “ออมสั้น คืนไว ได้มาก” ซึ่งพรี่หนอมมองว่าเป็นแนวคิดที่ดูจะตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่อยู่พอสมควรครับ ถามว่าสอดคล้องยังไงลองไปดูที่โปรดักส์ของประกันชีวิตอาคเนย์ครับ

เพราะประกันชีวิตอาคเนย์คืนคุ้ม 12/6 ที่ให้เราชำระเบี้ยประกันภัยเพียงแค่ 6 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองนาน 12 ปี โดยจ่ายเบี้ยขั้นต่ำ เริ่มต้นปีละ 25,000 บาท

ลองเปรียบเทียบดูง่ายๆว่า ถ้าเราจ่ายเบี้ยไปปีละ 100,000,000 บาท เพื่อลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000บาท  สิ่งที่เราจะได้จากประกันตัวนี้คือ

จะเห็นว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้สำหรับประกันตัวนี้นั้น เป็นความพิเศษเรื่องของการจ่ายเงินคืนทุกปีตั้งแต่ปีแรก และจ่ายคืนเป็นก้อนใหญ่เท่ากับเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ปีที่ 7 เพื่อให้คุณได้นำเงินไปต่อยอดให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือนำกลับมาหมุนเพื่อไปซื้อประกันชีวิตอาคเนย์คืนคุ้ม 12/6 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีอีกในปีที่ 7 – 12  ในขณะที่ยังได้รับความคุ้มครองขีวิตที่สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี  ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนขณะที่ต้องการลดหย่อนภาษีต่อเนื่องอย่างแท้จริง

เพียงแค่เรามีเงินก้อนประมาณ 25,000 – 100,000 บาท ที่สามารถจ่ายได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี เราก็หมดปัญหาเรื่องความยุ่งยากในการมองหาแบบประกันอื่นๆ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีในทุกๆปีตลอดไป

ยกตัวอย่างเช่น  6 ปีแรก จ่ายเงินซื้อประกันอาคเนย์ คืนคุ้ม 12/6 (ชุดที่ 1) หลังจากนั้นตั้งแต่ปีที่ 7 ก็จะได้เงินคืนมาในจำนวนเท่ากับค่าเบี้ยประกันที่จ่ายในทุกๆปี เราก็สามารถนำเงินก้อนนี้กลับไปซื้อ อาคเนย์ คืนคุ้ม 12/6 อีกรอบหนึ่งได้ (ชุดที่ 2) เพราะเงินที่จ่ายคืนในปีที่ 7-12 ของชุดแรกสามารถนำมาจ่ายเบี้ยประกันชุดที่ 2 ได้พอดี โดยที่มีความคุ้มครองอยู่ถึง 660% ของจำนวนเงินเอาประกัน และได้รับผลตอบแทนเป็นเงินคืนประมาณ 6% ในทุกๆ ปีอีกด้วย

เห็นไหมครับว่า เมื่อเราเข้าใจประเภทของประกันชีวิต และนำมาเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการ อย่างกรณีนี้ คือ เราต้องการลดหย่อนภาษีไปเรื่อยๆ และได้รับผลตอบแทนจำนวนหนึ่งกลับมาในทุกๆปี การเลือกใช้ประกันชีวิตที่มีลักษณะแบบนี้มันก็ช่วยตอบโจทย์เราได้อีกทางหนึ่งครับ

ย้ำนะครับว่า สิ่งสำคัญในบทความนี้ไม่ใช่บอกว่าการซื้อประกันแบบนี้ดีที่สุด แต่เป็นการบอกว่าถ้าเรามีความรู้ และเข้าใจความต้องการของตัวเองในการลดหย่อนภาษี เราจะสามารถเลือกใช้สินค้าทางการเงินต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นครับ

พิเศษ! สำหรับคนที่ซื้อประกันชีวิตที่ร่วมรายการทุกๆ 100,000 บาท เตรียมรับบัตรคอนเสิร์ตศิลปินสาวขาร็อคเสียงทรงพลังอย่าง "ดา เอ็นโดรฟิน" และเจ้าพ่อเสียงนุ่มอย่าง "ป๊อบ ปองกูล" เรียกได้ว่าประกันอาคเนย์ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าทั้งประกัน และความบันเทิงให้แก่ลูกค้าเลยทีเดียวครับ

ถ้าใครสนใจประกันแบบนี้ ก็สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 1726 หรือคลิกไปที่ https://bit.ly/2AywIkl

วันนี้พรี่หนอมขออนุญาตลาไปก่อน อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

สวัสดีครับ

บทความนี้เป็น Advertorial