“ถ้าเรารวยแล้ว จะใช้ชีวิตแบบไหนกัน?”

หนึ่งสิ่งที่หลายคนน่าจะคิดกัน คือต่อไปนี้ ฉัน ‘ไม่ต้องประหยัด’ อีกต่อไปแล้ว เพราะฉันสามารถซื้อได้ทุกอย่างที่ต้องการ วันนี้ aomMONEY เลยมีมุมมองจาก ราเชลล์ รอดเจอร์ส วัย 41 ปี ผู้ก่อตั้ง และ CEO บริษัท Hello Seven บริษัททนายความด้านทรัพย์สินทางปัญญา และที่ปรึกษาทางธุรกิจ มาฝากกัน โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC Make it ว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา Hello Seven สามารถรายได้หลักล้านเป็นครั้งแรก ที่ทำให้เธอเห็นว่าเส้นทางการเติบโตที่ได้ปูทางมาตั้งแต่วันแรกนั้นถูกต้องแล้ว

แม้ในวันนี้เรื่องเงินจะไม่ใช่ปัญหาที่เธอต้องกังวลแล้ว แต่ในฐานะ CEO และแม่คน เธอได้เรียนรู้ที่จะใช้ ‘เวลา’ อย่างคุ้มค่า เพราะแม้การเงินของเธอจะไร้ซึ่งปัญหา และสามารถใช้ดำรงชีพได้จนแก่เฒ่า แต่เวลาที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รักนั้น ช่างจำกัดเหลือเกิน มาดูกันว่าเธอมีแนวคิดการ ‘ประหยัดเวลา’ อย่างไรบ้าง

✅ ตอบ ‘ตกลง’ เมื่อมันนำมาซึ่ง ความสุข พลังงาน และเงิน จำนวนมากมาให้

“คำขอที่เข้ามา ฉันปฏิเสธมันไปกว่า 99% แล้ว” ในฐานะ CEO ฉันเคยมีนัดหมายการประชุมที่ไร้จุดหมายรกเต็มตารางไปหมด เพื่อจัดการตารางให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ฉันตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้นก่อนจะเพิ่มนัดหมายลงปฏิทิน

➡️ นี่เป็นสิ่งที่มีแค่ฉันทำได้เหรอ?
➡️ สิ่งนี้ช่วยให้บริษัทบรรลุพันธกิจหรือไม่?
➡️ มันจะกลายเป็นภาระของ ฉัน ครอบครัว และธุรกิจของฉันในอนาคตหรือไม่?
➡️ มันส่งผลกระทบต่อสังคม และชุมชนรอบข้างแค่ไหน?

✅ “ราคาที่สูงไม่ขึ้น ไม่ได้หมายความว่าดีกว่าเสมอไป”

ราเชลล์ แชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวว่า ก่อนหน้านี้เธอได้เช่าบ้านพักสุดหรูในฮาวาย วิวดี และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาแพงหูฉี่ แน่นอนว่ามันดีมาก ทุกคนในครอบครัวชอบมัน

แต่หลังจากนั้นครอบครัวของเธอได้เดินทางเข้าไปในส่วนของชนบทในฮาวาย เยี่ยมชมตลาดเกษตรกร และทานอาหารสุดอร่อยในราคาย่อมเยา เลือกดูเครื่องประดับทำมือ และเพลิดเพลินไปกับวิวที่งดงามไม่แพ้กับที่บ้านพัก เธอรู้ได้ทันทีว่า ที่แห่งนี้คือ ฮาวายอย่างแท้จริง และนี่คือวันที่เธอชอบมากที่สุด

เงินสามารถซื้อความสุขได้จริง เธอยอมรับ แต่เธอค้นพบแล้วว่ามีความสุขที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อด้วยอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือความสุขของทุกคนในครอบครัว ที่เธอกล่าวว่า ‘ประเมินค่า’ ไม่ได้เลย

✅ “หรูหราให้ถูกที่ ดูดีให้ถูกงาน

ราเชลล์ แชร์ว่าในตอนที่เธอทำงานอยู่ที่บริษัท เธอเลือกการแต่งกายที่แสดงภาพลักษณ์ของ CEO เพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ซึ่งสัมพันธ์กับความน่าเชื่อถือของทั้งลูกค้า และพนักงงานในองค์กรที่เธอดูแลอยู่ แต่ในขณะที่เธออยู่บ้าน หรือแม้แต่ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อ เราจะพบได้ว่าเธอเลือกใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนกับคนทั่วไป เธอมองว่าเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลืนไปกับสถานการณ์นั้นมากกว่าที่จะยึดติดอยู่กับเสื้อผ้าราคาแพงอยู่ตลอด

สุดท้ายนี้ เธอได้เรียนรู้ว่า นอกจากเรื่องเงินที่ต้องบริหารให้ดี เรื่องเวลานั้นเป็นอีกสิ่งที่เราจะต้องตระหนัก และบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ต่างอะไรจากเงินเลย