สืบเนื่องจากประเด็นเรื่องของการ #ออมทอง แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเอาต้องเข้าใจก่อนว่าการออมทองไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย เจ้าใหญ่อย่าง ฮั่วเซ่งเฮง หรือ แม่ทองสุก ต่างก็ทำกันอย่างถูกต้อง โปร่งใสและก็มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยค่อนข้างเยอะ จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการสะสมเงินเพื่อซื้อทอง

การออมทอง หรือ การสะสมเงินเพื่อซื้อทองนั้น ขั้นตอนก็คือการทยอยสะสมเงินเพื่อซื้อทองคำแท่งที่บริสุทธิ์ 96.5% โดยการทยอยซื้อแบบถัวเฉลี่ยสะสม อาจจะเดือนละ 500 บาท เดือนละ 1000 บาท ไปเรื่อย ๆ พอได้เงินครบเท่ากับราคาทอง (ตามกำหนดของแต่ละแห่ง บางแห่งก็ 1 กรัม หรือบางแห่งก็ 1 สลึง) ก็ไปถอนเอาทองเป็นแท่งมาเก็บเอาไว้ อันนี้คือพื้นฐานทั่วไป

แต่ประเด็นที้เกิดขึ้นในข่าวคือตอนที่ลูกค้าหลายสิบรายมารวมตัวกันเพื่อเบิกทองกับร้านทองแห่งหนึ่ง แต่ร้านทองนั้นปิดหายไปแล้ว ตามตัวไม่ได้ คาดการณ์กันว่าความเสียหายอยู่ที่ราว ๆ 700 ล้านบาท (คือมีลูกค้าหลักพันคน)

โดยร้านทองแห่งนี้คือโพสต์ชักชวนให้คนมาออมทองด้วยราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เช่นตอนนี้ทองในตลาดขายบาทละ 30,000 บาท ทางร้านออมทองบาทละ 23,000 บาท นอกจากนั้นยังมีการชักชวนเป็นตัวแทนหาสมาชิก โดยจะมีค่าตอบแทน 300 บาท/ต่อคน เมื่อสมาชิกของตัวเองสะสมทองครบหนึ่งบาท

ถ้ารู้สึกว่าอ่านแล้วเหมือนแชร์ลูกโซ่ ก็คงเป็นอย่างนั้นครับ


ทำไมคนถึงหลงเชื่อได้? ผู้เสียหายก็บอกว่าร้านนี้มีความน่าเชื่อถือ มีการนำเชิญบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคมมาร่วมโปรโมตร้าน แถมยังมีหน้าร้านด้วย จึงคิดว่าไม่น่าโดนหลอก แต่มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “บางอย่างที่มันดีเกินจริง มันก็ไม่มีทางเป็นจริง” อันนี้ยังใช้ได้เสมอ ยังไงสำหรับคนที่จะลงทุนอะไรก็ตามก็ต้องศึกษากันให้ดีครับ

กลับมาที่เรื่องประเด็นของการออมทอง

ต่อมาก็มีคนไปโพสต์ถามในทวิตเตอร์ว่า “แล้วจะออมทองทำไม ก็หยอดกระปุกเองพอครบ 30,000 ก็เอาไปซื้อทองเองก็ได้” ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจและอยากลองมาดูเหตุผลว่าทำไมคนถึงเลือกออมทองกันล่ะ?

1. เริ่มลงทุนไม่มาก

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ตอนนี้อยู่ที่ราว ๆ บาทละ 30,000 บาท แต่กว่าจะเก็บเงินได้ขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ถ้าออมทองก็สามารถเก็บทีละนิดทีละหน่อย เริ่มกันตั้งแต่ 100 บาท ก็ออมได้แล้ว เติมไปเรื่อย ๆ

2. ถัวเฉลี่ยลดความผันผวน

ราคาทองคำนั้นขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา บางวันลด บางวันขึ้น วันหนึ่งขึ้นลงหลายรอบก็มี เพราะฉะนั้นการออมทองทำให้เกิดการถัวเฉลี่ยของราคาเกิดขึ้น

เช่นเราออมเดือนละ 3,000 บาท เดือนนี้ทองบาทละ 30,000 บาทเราก็จะได้ทองแท่ง 1.5244 กรัม (ทองแท่ง 1 บาท น้ำหนักอยู่ที่ 15.244 กรัม) แต่ถ้าเดือนหน้าทองลดเหลือบาทละ 25,000 บาท แต่เราออมเท่าเดิม 3,000 บาท เราก็จะได้ทอง 1.8293 กรัม (15.244/25,000 * 3000) ซึ่งที่จริงก็คล้ายกับการ DCA (Dollar Cost Average) ของการลงทุนหุ้นเช่นกัน

3. สามารถเลือกแบบหักบัญชีอัตโนมัติได้

วินัยในการออมเป็นสิ่งที่สำคัญและบางครั้งเราก็หละหลวมไปบ้างถ้าทำเอง แต่ถ้าเป็นระบบที่หักบัญชีเป็นประจำทุกเดือน ก็จะสร้างการออมอย่างมีวินัยได้โดยอัตโนมัติเลย

4. แลกเป็นทองคำมาเก็บเอาไว้ได้

เมื่อครบกำหนดน้ำหนักก็สามารถไปแลกเป็นทองมาเก็บเอาไว้ได้ ซึ่งก็ต้องดูด้วยว่าแต่ละเจ้านั้นมีข้อกำหนดเรื่องน้ำหนักยังไงบ้าง (บางเจ้า 1 กรัมก็แลกได้แล้ว)

5. ขายง่าย ช่วยกระจายความเสี่ยง

สำหรับคนที่ลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ อย่าง ทองเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่เรียกว่าค่อนข้างปลอดภัย สามารถซื้อขายได้ง่าย เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ไว สำหรับช่วงที่สินทรัพย์อื่น ๆ ผันผวนทองก็เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ไม่เลว เมื่ออยากขายไปลงทุนที่อื่นก็ทำได้ไม่ยาก


การออมทองเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับการลงทุนของยุคสมัยใหม่ เครื่องมือทันสมัย สามารถทำได้ผ่านแอปฯของสมาร์ตโฟนเลย เหมาะสำหรับคนที่ยังทุนไม่มาก เพิ่งเริ่มทำงาน หรืออยากเก็บเงินไว้ในสินทรัพย์ที่จะมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่ได้อยากลงทุนในหุ้นหรือคริปโตฯที่มีความเสี่ยง

แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมาชั่งน้ำหนักด้วยว่าเงินที่เราเอาไปฝากไว้นั้นไม่ได้ดอกเบี้ยเงินฝาก มูลค่าของทองก็มีขึ้นมีลงตลอด ถ้าสะสมมาสักพักแล้ววันหนึ่งต้องขายเพื่อเอาเงินออกมาใช้ฉุกเฉินแล้วตอนนั้นทองราคาร่วงพอดี ก็อาจจะรู้สึกเสียดายได้

ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงก็ตาม อย่างที่พูดกันเสมอ การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นควรลงทุนกับสิ่งที่เราเข้าใจ หาข้อมูลให้เยอะที่สุด และที่สำคัญต้องเลือกให้ดีว่าจะลงทุนกับที่ไหน เพราะลงทุนรวยเร็วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันไหนที่ดีเกินจริง มันก็คงจะไม่จริงนั่นแหละครับ


#ออมทองสระบุรี #ทำไมควรออมทอง #ข้อดีข้อเสียออมทอง #ควรออมทองรึเปล่า #ออมทองทำยังไง #ออมทองถูกกฎหมาย #ลงทุนในทอง #ออมทองทุกเดือน #ทางเลือกลงทุน